กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--กระทรวงยุติธรรม
เนื่องในวาระมหามงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มหาราชินี เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มีบัญชาให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และกรมคุมประพฤติ จัด “โครงการพ่อแม่อาสา นำพาปลอดยาเสพติด เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ๘๐ พรรษา มหาราชินี” เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติฯ และน้อมนำพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ไปสู่การปฏิบัติตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ในแนวคิด ‘พลังครอบครัว เพื่อการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด’ ...คืนคนดีสู่สังคม โดยเริ่มต้นจากการนำพ่อแม่ ครอบครัวและผู้ใกล้ชิด เข้ามามีส่วนร่วมในการฟื้นฟูสมรรถภาพ ผู้ติดยาเสพติดในรูปแบบของพ่อแม่อาสา เนื่องจากพ่อแม่และบุคคลในครอบครัวคือผู้มีความใกล้ชิดกับผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดมากที่สุด ดังนั้นการดูแลเอาใจใส่ การให้การช่วยเหลือ สนับสนุนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดของครอบครัว จึงมีความสำคัญยิ่งที่จะทำให้ผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด มีกำลังใจ และสามารถเลิกเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษได้ และในงานเปิดตัวโครงการฯ อย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยมี ร.ต.อ. ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ และประธานเปิดงาน โดยงานนี้มีทั้งกลุ่มพ่อแม่อาสา ผู้ปกครอง และกลุ่มเยาวชนที่ได้รับการบำบัดและฟื้นฟูสมารถภาพผู้ติดยาเสพติดเข้าร่วมงานมากมาย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า- - “ จากสายพระเนตรที่ยาวไกลของพระราชินีฯ ที่มองเห็นปัญหาและให้เริ่มต้นจากครอบครัว ทำให้เกิดโครงการนี้ ซึ่งในการเปิดตัวโครงการนี้ได้เชิญคนที่เป็นพ่อแม่อาสามา จากกรุงเทพฯ ปริมณฑล และในเขตภาคกลางเท่านั้น ยังไม่ได้รวมที่ภาคอื่น โดยมีการตั้งเป้าหมายในการมาที่ 15,000 คน แต่คนมาถึง 23,000 คน เพราะอะไรเป็นที่น่าสังเกต เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่เวลาเชิญมาร่วมงานก็จะมากันแค่ 60 — 70 % ของการเชิญ แต่ในครั้งนี้ผู้มาร่วมงานมีมากถึง 150 % นั่นก็เพราะว่าประชาชนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ อยากแก้ไขปัญหาเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง และในการที่เข้ามาร่วมงานในครั้งนี้ ก็ไม่ได้มาคนเดียวแต่จะมาเป็นครอบครัว พาพ่อแม่ ลูกหลาน พี่ ป้ามาด้วย ...รู้สึกดีใจที่คนให้ความสนใจมากมาย ซึ่งกรมคุมประพฤตินี้ไม่ใช่กรมที่เก่งหรือมีความสามารถที่จะเกณฑ์คนมาได้มากขนาดนี้ แต่เป็นเพราะประชาชนให้ความสำคัญและอยากให้ปัญหายาเสพติดหมดไปจากครอบครัวของเขาจริงๆ แล้วเมื่อรัฐบาลเปิดโอกาสและให้แนวทางการปฏิบัติพ่อแม่ จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ...ดังนั้นหน่วยงานของรัฐต้องให้ความสนใจในการบำบัดและติดตามผลอย่างจริงจังพอๆ กับการปราบปราม โดยรัฐบาลต้องจัดงบประมาณในการทุ่มเทวัสดุตรวจสารเสพติด อุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงคู่มือในการส่งเสริมให้ครอบครัวผู้ฟื้นฟูได้ตรวจสอบ และคอยดูแลอย่างใกล้ชิดให้มีประสิทธิภาพ ทั้งเห็นความสำคัญเรื่องการฟี้นฟูเป็นอย่างมาก เพราะในปัจจุบันมีผู้เข้ารับการฟื้นฟูมากขึ้นเรื่อยๆ และมีพ่อแม่อาสามากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน อย่างน้อยปีละ 200,000 ครอบครัว และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่อไป ”
สำหรับกลุ่มเยาวชนที่ได้รับการบำบัดและฟื้นฟูสมารถภาพผู้ติดยาเสพติดดีใจที่ได้เข้าร่วมงานนี้ พร้อมบอกเล่าเรื่องราวซึ่งมีสาระวิธีปฏิบัติตัวให้ห่างไกลยาเสพติดที่ให้ประโยชน์และข้อคิดดีๆ น่าสนใจ อย่าง เอ (นามสมมุติ) เล่าว่า สาเหตุที่เขาเสพยา เพราะอกหักจากความรัก- -
“ตอนนั้นว้าวุ่นมาก แล้วไปเจอคนปล่อย (คนค้ายาเสพติด) เขามาบอกว่าจะขายยามั้ย มีผลประโยชน์ดี สนใจมั้ย ตอนแรกผมก็ไม่เอา แต่ทำไปทำมาอกหักจากความรักก็เลยลองเสพเลย จะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้
...แล้วผมก็กลายเป็นคนเสพยา พอแม่รู้ก็เสียใจมาก แล้วเมื่อมาเข้ามารับการบำบัดยาเสพติดที่ศูนย์วิวัฒน์พลเมือง เขาสอนให้ปฏิบัติตน ให้มีวินัย ในที่สุดผมก็เลิกได้ รู้สึกดีใจมากที่ได้หลุดพ้นจากตรงนั้นมา และผมอยากจะบอกให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ มีการตรวจจับให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะคนปล่อยต้องจับอย่างจิรงจัง ส่วนคนเล่น (ผู้เสพ) ถ้าไม่มีคนปล่อยเขาก็คงไม่เล่นยา เพราะไม่มีที่ซื้อ ไม่ที่สิ่งล่อลวง เขาก็อาจไม่ติดยากก็ได้” ส่วนพ่ออาสาของเขา ‘ลุงลพ’ เล่าว่าหลังจากที่เอกลับมาแล้ว เขาก็อยู่กับแม่ตลอดเวลา ผมก็ยิ่งต้องทำงานให้มากขึ้น เพื่อมามาดูแลช่วยเหลือและอยู่ใกล้ชิดเขาตลอดมากขึ้น สำหรับ เหลือง (นามสมมุติ) บอกเล่าว่า ผมติดยาเพราะอยากลอง “ครั้งแรกเมาไม่รู้เรื่อง อยู่กับเพื่อนเขาชวนก็เอาด้วย แล้ววันหนึ่งเพื่อนบอกว่าถ้าเสพยาจะทำให้ขยันทำงานได้เยอะ มีแรงมีพลัง จนในที่สุดผมก็ติดยาอย่างงอมแงม แล้วถูกจับได้ แล้วมาได้รับการบำบัดรักษาที่ศูนย์ระยอง
...ผมดีใจที่ตอนนี้เลิกได้แล้ว รู้สึกว่าตอนนี้ที่ติดยามันทรมานมาก ทั้งเสียใจและเสียเวลา แล้วครอบครัวพ่อแม่ก็เสียใจในตัวผมมาก และผมต้องขอบคุณครูปตอ.ที่ศูนย์ระยอง ที่ช่วยให้ผมรอดพ้นมาได้ เขาทั้งสอนทั้งให้ฝึกระเบียบวินัยจนจิตใจผมเข้มแข็งขึ้นมากตอนนี้
...อยากจะฝากถึงพี่ๆ น้องๆ ที่เสพยา เลิกเถอะ มันไม่ได้กับชีวิตเลย เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน และสุขภาพ สู้มาเสียเหงื่อให้กับกีฬาดีกว่าครับ” น้อย (นามสมมุติ) ติดยาเมื่อเรียนอยู่ปวช. โดยเพื่อนให้เสพจนติด แล้วในที่สุดก็ถูกตำรวจจับ
“ตอนนั้นผมง่วงนอนมาก เพื่อบอกว่าเอาไอ้นี่สิ จะหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ผมก็ลองจนติด แล้วตอนหลังก็โดนจับ แล้วเขาก็ให้มารักษาบำบัดประมาณ 45 วัน รู้สึกว่าดีขึ้น ร่างกายแข็งแรงมาก ตอนนี้เลิกมาได้ 2-3 เดือนแล้วครับ พ่อกับแม่ดีใจ กลับมาแล้วก็ไม่เคยต่อว่าเลย และผมอยากจะฝากไปถึงคนที่ยังเสพอยู่ เลิกได้แล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย มีแต่ชีวิตร่างกายจะยิ่งลง”
แม่อาสาจากร้อยเอ็ด เล่าว่า ส่งลูกมาอยู่กรุงเทพฯ แล้ววันหนึ่งลูกที่รักกลายเป็นคนติดยา ความรู้สึกของแม่วันนั้นแทบใจสลาย “เสียใจ...เสียใจมาก มันอยู่ในอก แต่เมื่อลูกเลิกได้ แม่ก็ดีใจ เพราะตอนนี้แม่ก็แก่แล้ว เลี้ยงลูกมาแล้ว ต่อไปลูกก็ต้องมาเลี้ยงแม่นะ” เธอบอกเล่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มกับลูกชาย ส่วนลูกชาย โอ (นามสมมุติ) รู้สึกผิดที่ทำให้แม่เสียใจ เขาบอกว่าต่อไปนี้เขาจะเป็นคนดีเพื่อแม่ “ผมติดยาเพราะอยากรู้ อยากลอง ติดยากมา 2-3 ปี แม่ไม่เคยรู้เรื่องเลย จากคนที่เคยเรียนดี ก็กลายเป็นคนไม่สนใจการเรียน เรียนไม่รู้เรื่อง จากนิสัยดี ก็กลายเป็นเด็กเกเร อารมณ์ฉุนเฉียว แต่เมื่อมารับการบำบัดฟื้นฟู ต้องออกกำลังกาย ร่างกายก็สดชื่น แข็งแรงขึ้น จิตใจก็ดีขึ้น จึงอยากจะบอกว่าอย่าเข้ามาลองเลยยาเสพติด ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ร่างกายก็ทรุดโทรมเสื่อมโทรม มาเป็นคนดีเด็กดีของแม่เถอะ”
ด้วยพลังที่สรรค์สร้างจากทุกหน่วยงาน พ่อแม่ ผู้ปกครอง คนใกล้ชิด มาร่วมด้วยช่วยกันโอบอุ้มลูกๆ บุตรหลาน เด็กๆ เยาวชน ด้วยความรักความอบอุ่น ซึ่งเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะคืนความรักให้ครอบครัว และคืนความสุขให้ชุมชนได้อย่างยั่งยืน