กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--วอเนอร์ บราเธอร์ส
สองอสุรกายชื่อดังจากสองภาพยนตร์หลายภาคที่น่ากลัวที่สุด มาต่อสู้กันบนโลกใน ALIEN VS. PREDATOR การค้นพบปิรามิดโบราณที่ถูกฝังอยู่ใต้น้ำแข็งทางขั้วโลกใต้ ส่งให้ทีมนักวิทยาศาสตร์และนักผจญภัยในทวีปอันเยือกแข็ง ที่นั่น พวกเขาได้ค้นพบสิ่งที่น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าสิ่งใด : มนุษย์ต่างดาวสองเผ่าพันธุ์กำลังทำสงคราม ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ เราคือผู้แพ้
การผจญภัยที่เหลือเชื่อและน่าสพรึงกลัวเริ่มต้นขึ้นเมื่อนักธุรกิจพันล้าน ชาร์ลส บิชอบ เวย์แลนด์ รวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญในหลายสาขาจากนานาประเทศ ทั้งนักโบราณคดี นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ซึ่งนำทีมโดย อเล็กซา “เล็กซ์” วู้ดส์ ผู้เชี่ยวชาญปัญหาสิ่งแวดล้อมและนักผจญภัย เพื่อสำรวจตรวจสอบ “กระแสความร้อน” ที่ผุดกระจายขึ้นมาจากห้วงลึกของทวีปแอนตาร์คติก
สิ่งที่พวกเขาได้ประจักษ์ต่อสายตาในความลึก 2000 ฟุตใต้ผิวน้ำแข็ง สร้างความตื่นเต้นให้ในตอนแรก แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว พวกเขาได้ค้นพบปิรามิดซึ่งเป็นการผสมกันของวัฒนธรรมแอซเทค อียิปต์ และกัมพูชา ภายในปิรามิด พวกเขาได้พบกับบรรดาห้องที่ถูกสร้างเรียงเป็นแถว โดยใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากจนเห็นได้ชัดว่า อิทธิพลจากต่างดาวได้เข้ามามีบทบาทมานานนับพันๆ ปีแล้ว ผนังของห้องเปลี่ยนโครงร่างได้โดยไม่มีใครคาดฝัน ทำให้ลูกทีมต้องติดอยู่ภายใน และทำให้พวกเขาถูกตัดขาดจากการติดต่อกับเพื่อนร่วมงาน
ในขณะที่กำลังเคลื่อนที่จากห้องหนึ่งไปสู่อีกห้องหนึ่ง ความจริงก็เผยตัวเองออกมา : อสุรกายนักล่าจากต่างดาวมีชีวิตอยู่ด้วยวางไข่ทุกๆ 100 ปีของราชินีเอเลี่ยน และบรรดานักรบผู้ล่าต่างดาวรุ่นใหม่จะได้รับการทดสอบโดยการต่อสู้กับตัวอ่อนของเอเลี่ยน ทีมงานจึงต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่ท่ามกลางพิธีกรรมของเรื่องราวที่เหลือเชื่อ — และสงครามระหว่างเอเลี่ยนและนักล่าต่างดาว
ในปี 1979 ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ ได้เปิดตัวภาพยนตร์ของผู้กำกับฯ ริดลีย์ สก็อต เรื่อง “Alien” ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งบรรดานักวิจารณ์และผู้ชมทั่วโลก ว่าเป็นผลงานไซไฟที่มีอิทธิพลอย่างมาก ความสำเร็จของภาพยนตร์ส่งผลให้ทางสตูดิโอได้สร้างภาคต่อๆ มา โดยมีการผจญภัยอีกสามตอนด้วยกัน : ภาพยนตร์ของเจมส์ คาเมรอน เรื่อง “Aliens”, ภาพยนตร์ของเดวิด ฟินเชอร์ เรื่อง “Alien3”, และภาพยนตร์ของฌอง-ปิแอร์ เจอเน็ท เรื่อง “Alien Resurrection”
ในปี 1987 ฟ็อกซ์ได้แนะนำสัตว์ประหลาดตัวใหม่จากนอกโลก “Predator” จากการกำกับฯ ของจอห์น แมคเทียร์แมน และอำนวยการสร้างโดย จอห์น เดวิส เรื่องราวเกี่ยวกับนักรบจากต่างดาวที่สามารถพรางตัวให้หายไปจากสายตาได้ ซึ่งสร้างหายนะในป่าลึก (ในบรรดานักแสดงของหนังเรื่องนี้ ได้แก่ผู้ว่าการรัฐฯ ในอนาคตสองคน : อาร์โนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ และเจส เวนทูร่า) ภาพยนตร์เรื่อง PREDATOR 2 ซึ่งตามมาในอีกสามปีถัดมา ทำให้เกิดเหตุการณ์นรกแตกขึ้นในป่าแถบชานเมืองลอสแอนเจลิส
วันนี้ หลังจากเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งในสี่ของศตวรรษของการเปิดตัวครั้งแรกของหนังเรื่อง “Alien” เรากำลังจะได้พบกับ ALIEN VS. PREDATOR หนึ่งในบรรดาภาพยนตร์ไซไฟที่ทุกคนตั้งตารอคอยที่จะได้เผชิญหน้าอย่างที่สุดในประวัติศาสตร์
การนำ ALIEN VS. PREDATOR มาสู่จอภาพยนตร์นับเป็นการเดินทางที่ยาวนานเกือบสิบปี ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ ได้พิจารณาเนื้อเรื่องหลายๆ แบบ จนกระทั่งผู้เขียน/กำกับฯ พอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สันได้เข้ามาที่สตูดิโอ พร้อมกับแนวความคิดที่จะเดินเรื่องบนโลกในช่วงเวลาปัจจุบัน โดยเรื่องจะเกิดขึ้นระหว่างเหตุการณ์ใน “Predator” และ “Alien”
“การวางตัวให้มนุษย์ตกอยู่ท่ามกลางห้วงมหาภัย นับเป็นการยกระดับวิกฤติให้กับสงคราม Alien/Predator” จอห์น เดวิส ผู้อำนวยการสร้างเรื่อง AVP กล่าว “เป็นเวลาหลายปีที่ผมได้รับฟังเรื่องราวหลากหลายจากนักเขียนกว่า 40 คน จนกระทั่งพอลเข้ามาพบเราพร้อมกับงานของเขา เรื่องของเขาโดนใจเราจริงๆ”
แอนเดอร์สันเฝ้าประคบประหงมความคิดนี้มาตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพการงานของเขา — เป็นเวลานานก่อนที่ทางสตูดิโอจะเรียกตัวเขามาให้เสนอความคิดของเขา “เกือบเก้าปีมาแล้วที่ผมคิดขึ้นมาสนุกๆ ถึงหนัง Alien/Predator” แอนเดอร์สันทบทวนให้ฟัง “แล้วเมื่อผมไปที่ Sundance กับหนังเรื่องแรกสุดของผม [“Shopping”
] หนังยุโรปไร้สังกัด แล้วผมก็คิดว่าผมคงไม่มีโอกาสได้สร้างหนังอย่าง AVP
“เวลาผ่านอย่างรวดเร็วไปอีกแปดปีข้างหน้า” แอนเดอร์สันเล่าต่อ “แล้วฟ็อกซ์ก็มีความตั้งใจจะสร้างหนังเรื่องนี้ — และพวกเขาก็เรียกผมเข้าไปคุยถึงมัน ผมจึงเสนอความคิดเดิมที่เคยคิดมาตลอด ตั้งแต่ที่ Sundance เมื่อหลายปีก่อน และคราวนี้ผมต้องทำมัน”
ตามที่เดวิสบอก มันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีผู้กำกับฯ ที่รู้ซึ้งเกี่ยวกับโลกของทั้ง Aliens และ Predators และไม่มีใครจะรู้จักหนังทั้งสองเรื่องดีไปกว่าแอนเดอร์สัน “นอกเหนือจากที่เป็นคนทำหนังที่เก่งกาจแล้ว พอลยังเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Alien และPredator” ผู้อำนวยการสร้างกล่าว “เขาดูหนังรุ่นแรกของ ‘Alien’ และ ‘Predator’ นับเป็นร้อยๆ ครั้ง และสามารถฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้ทุกฉาก วิธีการสร้างหนังที่ตื่นเต้นระทึกใจนั้นต้องเริ่มต้นจากผู้กำกับฯที่คลั่งไคล้เกี่ยวกับวัตถุดิบและคิดว่า ต้อง เป็นคนทำ พอล ต้อง ทำเรื่อง ALIEN VS. PREDATOR”
ความรู้แบบเอนไซโคลพีเดียของแอนเดอร์สัน เกี่ยวกับทุกอย่างของ Alien และ Predator เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่ขัดแย้งกับองค์ประกอบของภาพยนตร์เรื่อง Alien และ Predator (ตัวอย่างเช่น ควิกช็อต ของ “หัวตั้งโชว์” ของมนุษย์ต่างดาวในเรื่อง “Predator 2” ที่ชี้ให้เห็นว่าทั้งสองพันธุ์เคยเผชิญหน้ากันมาก่อนแล้ว) ในขณะที่ “ALIEN VS. PREDATOR” จะเล่าเรื่องราวมากมายในแบบนิยาย” แอนเดอร์สันกล่าว “แต่จะเกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์ของโลกมากกว่าหนังสองเรื่องแรก”
นิยายเรื่องใหม่ของแอนเดอร์สันใน AVP ตั้งสมมติฐานว่าพวกนักล่า (Predators) เคยมาเยือนโลกเมื่อหลายพันปีมาแล้ว ในตอนนั้นพวกมันได้รับการบูชาในฐานะเทพเจ้า และได้สำแดงอิทธิพลอย่างมากในวัฒนธรรมเป็นการเฉพาะ ที่เห็นได้อย่างในชนเผ่าแอซเทคและมายัน “อันที่จริงความคิดนี้เริ่มขึ้นจากการได้เห็นแวบหนึ่งของฉากภายในจานบินของนักล่าในเรื่อง ‘Predator 2’ ซึ่งมีรูปแบบของแอซเทค” แอนเดอร์สันทบทวน “มันทำให้ผมคิดไปถึงการที่นักล่า ซึ่งเป็นมนุษย์ต่างดาวพันธุ์หนึ่ง จะมีผลต่อวัฒนธรรมของมนุษย์รุ่นแรกๆ”
ในขณะที่กำหนดเรื่องให้กับนิยายเรื่องใหม่นี้ แอนเดอร์สันยังได้สร้างตัวละครที่สำคัญและการคัดเลือกตัวแสดงให้เชื่อมโยงกับภาพยนตร์เรื่องเอเลียนหลายภาค ตัวละครนักธุรกิจพันล้าน ชาร์ลส บิช็อบ เวย์แลนด์ ถูกเขียนขึ้นเพื่อ แลนซ์ เฮนริคสัน นักแสดงมือเก่าจาก “Aliens” และ “Alien3” แฟนๆ ของเรื่อง “Alien” จะจำได้จากชื่อกลางและนามสกุลของตัวละคร : “เวย์แลนด์” มาจากบริษัท เวย์แลนด์-ยูทานิ องค์การข้ามชาติที่เป็นผู้ส่งยานนอสโตรโมสู่ชะตากรรมโหดร้าย ในการนำเอเลียนกลับมา ในหนังเรื่องแรก ; และ “บิช็อบ” เป็นชื่อของหุ่นแอนดรอยด์ที่รับบทโดยเฮนริคสันในภาคที่สองและสามของเอเลียน แอนเดอร์สันกล่าวว่า : “เวย์แลนด์หาเงินได้จากอุตสหกรรมไฮเท็คของเขา และเขาเป็นบิดาแห่งหุ่นยนต์รุ่นใหม่ ดังนั้นเมื่อหุ่นแอนดรอยด์บิช็อบ ถูกสร้างขึ้นในอีก 150 ปีต่อมา [ในช่วงเวลาของเรื่อง “Aliens”
] มันจึงสะท้อนถึงผู้สร้าง”
สิ่งที่เชื่อมโยงกับหนังภาคต่ออีกอย่างหนึ่งกับ “Alien” เรื่องแรกคือตัวลพคร อเล็กซา “เล็กซ์” วู้ดส์ นักสำรวจ ผจญภัย และนักสิ่งแวดล้อมวิทยา รับบทโดย แซนนา เลแธน “Alien” เป็นผู้บุกเบิกในการสร้างตัวละครเอกที่เป็นผู้หญิง ซึ่งตัวละครของซิกอนีย์ วีเวอร์ — เจ้าหน้าที่ผู้รับอนุญาต เอลเลน ริปลีย์ ซึ่งแอนเดอร์สันได้แสดงความระลึกถึงในแง่นั้น โดยการสร้างเล็กซ์ผู้ไร้ความกลัวอย่างทัดเทียมกัน
เพื่อเดินตามรอยของหนัง “Alien” สองเรื่องแรก และ “Predator” แอนเดอร์สันตัดสินใจที่จะไม่เปิดเผยถึงสัตว์ร้ายทั้งสองและสงครามตั้งแต่ต้นเรื่อง “นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ ‘Alien,’ ‘Aliens’ และ ‘Predator’ ประสบความสำเร็จ” แอนเดอร์สันกล่าว “หนังพวกนั้นทำให้คนดูตั้งตาคอยดูสัตว์ร้าย ผู้ชมรู้ว่าพวกมันอาจ ‘โผล่’ ขึ้นมาได้ในทุกขณะ ซึ่งทำให้ความกลัวพุ่งสูงขึ้น ผมอยากให้ ALIEN VS. PREDATOR สร้างอารมณ์อย่างช้าๆ เหมือนกับ ‘Alien’ เรื่องแรกและให้ 45 นาทีสุดท้ายเต็มไปด้วยแอ็คชั่นอย่างเต็มเปี่ยม เช่นเดียวกับ ‘Aliens’ และ ‘Predator’”
แอนเดอร์สันอยากให้บรรดาอสุรกายดูเหมือน “จริง” มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ — ซึ่งหมายถึงการใช้เอ็ฟเฟ็คที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ให้น้อยที่สุด และใช้พรสวรรค์ของผู้สร้างสรรค์และออกแบบสัตว์อสุรกาย อเล็ค กิลลิส และ ทอม วู้ดรัฟฟ์ จูเนียร์ และผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็ค จอห์น บรูโน่ ซึ่งมีมุมมองร่วมกับแอนเดอร์สันที่ว่า “น้อยลงคือมากขึ้น” เมื่อเป็นงาน CG ประมาณ 70 เปอร์เซนต์ของเอ็ฟเฟ็คในเรื่อง ALIEN VS. PREDATOR เป็นการแสดงจริงมากกว่าใช้ CG “ทุกวันนี้คนดูละเอียดอ่อนมากจนสามารถรู้สึกได้ว่าถึง ‘ความไม่แท้’ ในบางครั้งแม้แต่ในงาน CG ที่ดีที่สุด” แอนเดอร์สันกล่าว “เราอยากให้คนดูยอมรับว่าสองสัตว์ร้ายที่ทรงพลังกำลังต่อสู้กันแบบตาต่อตาและวิธีที่ดีที่สุดคือให้สู้กันจริงๆ”--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--