‘ทีวี ไดเร็ค’ เคาะราคาขายหุ้น IPO 2.10 บาท เปิดจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 14-16 สิงหาคม และกำหนดเข้าเทรด 23 ส.ค.นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 8, 2012 15:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ บมจ.ทีวี ไดเร็ค กำหนดราคาหุ้น IPO 2.10 บาทต่อหุ้น กำหนดเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 14-16 ส.ค. พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ วันที่ 23 ส.ค. นี้ นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำร่วมในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 52 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.10 บาท และราคาที่เสนอขายหุ้นให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 5.92 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.68 บาท คิดเป็นส่วนลดจากราคา IPO ร้อยละ 20 ซึ่งหุ้นในส่วนที่จัดสรรให้แก่กรรมการและพนักงานทั้งหมดจะถูกห้ามขายเป็นเวลา 1 ปี โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นจำนวน 57.92 ล้านหุ้นในระหว่างวันที่ 14-16 ส.ค. และกำหนดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอในวันที่ 23 ส.ค. นี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “TVD” การเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ TVD ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ โนมูรนะ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำร่วมในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย ร่วมกับผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) การกำหนดราคาขายไอพีโอของ TVD ที่ 2.10 บาท มีส่วนลดให้แก่นักลงทุนถึงร้อยละ 20.05 จากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเฉลี่ย (P/E Ratio) ย้อนหลัง 3 เดือนของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับธุรกิจของบริษัท ได้แก่ บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อผนวกเข้ากับปัจจัยสนับสนุนหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการคร่ำหวอดในธุรกิจมานานกว่า 13 ปี การมีช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายและครบถ้วน รวมถึงการเติบโตของธุรกิจ Satellite TV จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจของ TVD เพิ่มมากขึ้น จึงมั่นใจว่าปัจจัยดังกล่าวจะมีส่วนช่วยผลักดันให้ TVD สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และจะทำให้หุ้นของบริษัทได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนที่จะมีเข้ามาอย่างล้นหลาม นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่าหุ้น TVD จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมกับ บล.ฟินันเซีย ไซรัส และ บล.โนมูระ พัฒนสิน เดินสายให้ข้อมูลกับนักลงทุนในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังข้อมูลอย่างคับคั่ง โดยคาดว่าปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนสนใจหุ้น TVD นั้น มาจากการที่ธุรกิจของ TVD เป็นธุรกิจที่เข้าถึงและใกล้ชิดผู้บริโภคอย่างแท้จริง “TVD ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดหลากหลายช่องทาง (Multichannel Marketing) โดยจำหน่ายสินค้ามากกว่า 1,500 รายการ รวมทั้งให้บริการผ่านช่องทางการตลาดต่างๆ ประกอบด้วย การจำหน่ายสินค้าและบริการโดยใช้การตลาดแบบตรง ด้วยการสื่อสารข้อมูลเสนอขายสินค้าและบริการโดยตรงต่อผู้บริโภคผ่านโทรทัศน์ภาคปกติหรือฟรีทีวี โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เคเบิลทีวี ผ่านสื่อสิงพิมพ์ ศูนย์บริการทางโทรศัพท์และลูกค้าสัมพันธ์ทางโทรศัพท์ (Call Center) รวมถึงผ่านระบบโทรศัพท์แบบโทรออกหรือ Outbound Call Center ระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ (E-commerce) รวมทั้งบริษัทฯ มีการจำหน่ายสินค้าแบบขายตรง (Direct Sale) ผ่านตัวแทนจำหน่าย “Sarah Direct” ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทที่เริ่มดำเนินการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 นอกจากนี้ ยังจำหน่ายสินค้าแบบขายปลีกผ่านร้านค้าปลีกของบริษัท คือ TV Direct Showcase ซึ่งด้วยช่องทางที่หลากหลายเช่นนี้ ทำให้บริษัทเข้าถึงผู้บริโภคได้ในวงกว้าง จนผู้บริโภคมีความคุ้นเคยกับธุรกิจของ TVD เป็นอย่างดี” นายทรงพลกล่าว ขณะที่ นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำร่วมในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ทีวี ไดเร็ค กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้เตรียมความพร้อมในการเสนอขายหุ้น TVD ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ประมาณ 119.15 ล้านบาท บริษัทจะนำไปใช้ลงทุนในบริษัทย่อย ประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ TVD มีเครือข่ายการประกอบธุรกิจในต่างประเทศที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเข้าร่วมในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ในส่วนของการกำหนดราคาหุ้น IPO ที่ระดับ 2.10 บาท นั้น เป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่นักลงทุนด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ