กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--ก.ล.ต.
ศาลอาญามีคำพิพากษาว่า นายวิชัย ชัยสถาพร อดีตประธานกรรมการ และกรรมการผู้อำนวยการบริษัท นิปปอนแพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“NIPPON”) มีความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 281/2 307 308 311 312 และ 313 กรณีทุจริต เบียดบัง ยักยอกทรัพย์สินของบริษัท รวมถึงปลอมแปลงเอกสารและลงบัญชีเป็นเท็จจึงพิพากษาลงโทษจำคุก 20 ปีโดยโทษจำคุกรอลงอาญา 3 ปีและปรับ 2, 540,000 บาท
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2553 ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษนายวิชัย ชัยสถาพร กรณีกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต เบียดบัง ยักยอกทรัพย์สินของบริษัทมาเป็นของตนเองและบุคคลอื่น โดยได้ปลอมแปลงเอกสารในการสั่งซื้อหลักทรัพย์ เพื่อลวงให้บริษัทจ่ายเงินออกจากบัญชีให้แก่ตนเองและบุคคลอื่น และได้ยักยอกหลักทรัพย์และเงินค่าขายหน่วยลงทุนของบริษัทไปเป็นของตน ทำให้ได้รับประโยชน์เป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 179.6 ล้านบาท จนทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย รวมทั้งได้ปลอมแปลงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท ทำให้บัญชีของบริษัทแสดงเงินลงทุนในหลักทรัพย์และบัญชีรายได้ไม่ตรงกับความเป็นจริงเพื่อลวงบุคคลอื่น ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 281/2 วรรคสอง ประกอบมาตรา 89/7 307 308 311 312 และ 313 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ หลังจากที่นายวิชัยได้มาสารภาพความผิดต่อ ก.ล.ต.และ ก.ล.ต. ตรวจพบว่า นายวิชัยได้กระทำความผิดจริง
เมื่อวานนี้ (7 สิงหาคม 2555) ศาลอาญามีคำพิพากษาว่า นายวิชัย ชัยสถาพร มีความผิดตามมาตรา 281/2 307 308 311 312 และ 313 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ โดยการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา 91 ประมวลกฎหมายอาญา โดยลงโทษ (1) ฐานเป็นกรรมการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต โดยทุจริต รวม 18 กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี และปรับกระทงละ 60,000 บาท รวมเป็นจำคุก 54 ปี และปรับ 1,080,000 บาท (2) ฐานเป็นกรรมการเบียดบังเอาทรัพย์สินของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไปโดยทุจริต จำคุก 5 ปี และปรับ 500,000 บาท(3) ฐานเป็นกรรมการกระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริต รวม 6 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี และปรับกระทงละ 500,000 บาท รวมเป็นจำคุก 30 ปี และปรับ 3,000,000 บาท และ (4) ฐานเป็นกรรมการกระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายและลงข้อความเท็จในบัญชีหรือเอกสารหรือทำบัญชีไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง จำคุก 5 ปี และปรับ 500,000 บาทรวมจำคุก 94 ปี ปรับ 5,080,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 47 ปี และปรับรวม 2,540,000 บาท แต่เนื่องจากโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 10 ปี จึงลงโทษจำคุกเพียง 20 ปี* ตามมาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และเนื่องจากจำเลยเป็นผู้สารภาพผิดต่อ ก.ล.ต. และการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเฉพาะต่อ NIPPON เท่านั้นยังไม่ปรากฏว่ามีความเสียหายใด ๆ ต่อสาธารณชน รวมถึงจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดคืน NIPPON แล้ว การกระทำของจำเลยจึงถือเป็นการสำนึกผิด และได้บรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้นแก่ผู้เสียหายแล้ว โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี ตามมาตรา 56 แห่งประมวลกฎหมายอาญา นอกจากนี้ ศาลได้มีคำสั่งเพิกถอนการอายัดทรัพย์สินของจำเลย เนื่องจากเห็นว่า จำเลยได้นำเงินมาชำระคืนแก่ผู้เสียหายครบถ้วน และคดีนี้ศาลได้มีคำพิพากษาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะอายัดทรัพย์สินของจำเลยอีกต่อไป
นายวสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนไทยได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วน ซึ่งการดำเนินคดีนี้เป็นผลสำเร็จและสามารถเยียวยาค่าเสียหายให้แก่ NIPPON ได้ เกิดจากการประสานความร่วมมือและปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพของบุคลากรเจ้าของสำนวนคดี ได้แก่ พนักงานสอบสวน สำนักคดีการเงินการธนาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด”
อนึ่ง ยังมีพฤติกรรมทุจริตลักษณะทำนองเดียวกันนี้ของนายวิชัย ที่ ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษเพิ่มเติมไปเมื่อวันที่29 เมษายน 2554 อยู่ระหว่างการพิจารณาสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ NIPPON ได้รับการเยียวยาความเสียหายดังกล่าวแล้ว
* ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) กำหนดว่า กรณีผู้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกันให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิด และหากกระทงที่โทษหนักที่สุดมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกรวมทั้งหมดต้องไม่เกิน 20 ปี