กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--IR network
คณะกรรมการบมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก หรือ EPCO เอาใจผู้ถือหุ้น สั่งจ่ายปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีในอัตราหุ้นละ 0.045 บาท เตรียมขึ้น XD วันที่ 20 สิงหาคมนี้ ด้านหัวเรือใหญ่ "วีระ เหล่าวิทวัส" มั่นใจปีนี้โกยรายได้โตตามเป้า 20% จากปีก่อน ยืนยันโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรก จะสามารถจ่ายไฟให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน พร้อมเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 ใน ไตรมาส 4/2555 ทันที หวังเพิ่มสัดส่วนขายไฟเป็นรายได้หลักของบริษัท เหตุมีความมั่นคงมากกว่าธุรกิจสิ่งพิมพ์
นายวีระ เหล่าวิทวัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2555 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ในอัตราหุ้นละ 0.045 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 22 สิงหาคม 2555 ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 20 สิงหาคม 2555 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 4 กันยายน 2555
"คณะกรรมการบริษัทฯ ตัดสินใจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้น เพื่อตอบแทนความไว้วางใจและความเชื่อมั่นที่มีกับ EPCO มาตลอด ซึ่งขอให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านเชื่อมั่นในตัวบริษัทฯว่าจะเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่จะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่มีความมั่นคงของ EPCO ในอนาคต”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EPCO กล่าวถึงความคืบหน้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรก ขนาดกำลังการผลิตรวม 10 เมกะวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ที่บริษัทขอยืดเวลาจ่ายไฟฟ้าต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จากเดิมภายในวันที่ 30 มิถุนายน ไปเป็นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 โดยยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อรายได้ในไตรมาส 2/55 ของบริษัทเล็กน้อย แต่โดยรวมทั้งปีไม่มีผลกระทบ เนื่องจากการจ่ายไฟฟ้าให้ กฟภ. จะเกิดขึ้นในปี 2555 นี้อย่างแน่นอน โดยบริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ที่ 20% เทียบกับปีก่อน ที่มีรายได้ 634.91 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทมีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งที่ 2 ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนเอง 100% เนื่องจากมีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและบุคลากรอยู่แล้ว โดยมีเป้าหมายจะผลักดันให้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้ากลายมาเป็นรายได้หลักของ EPCO ในอนาคต เพราะมีความแน่นอนและมั่นคงกว่ารายได้ที่มาจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นรายได้หลักของบริษัทที่มีสัดส่วนมากกว่า 60% ของรายได้รวม
ด้านผลประกอบการของ EPCO ในไตรมาส 2/2555 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2555 ปรากฏว่ามีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 6.67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2554 ซึ่งมีกำไรสุทธิฯ 19.88 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 8.22 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากบันทึกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่ม จำนวนเงิน 5.45 ล้านบาท และบริษัทฯบันทึกภาษีเงินได้นิติบุคคลจานวน 3.83 ล้านบาท สำหรับบริษัทย่อยในปัจจุบันที่ยังไม่ได้ดำเนินการ และค่าใช้จ่ายที่เกิดขี้นเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 1.95 ล้านบาท คณะกรรมการบมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก หรือ EPCO เอาใจผู้ถือหุ้น สั่งจ่ายปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีในอัตราหุ้นละ 0.045 บาท เตรียมขึ้น XD วันที่ 20 สิงหาคมนี้ ด้านหัวเรือใหญ่ "วีระ เหล่าวิทวัส" มั่นใจปีนี้โกยรายได้โตตามเป้า 20% จากปีก่อน ยืนยันโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรก จะสามารถจ่ายไฟให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน พร้อมเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 ใน ไตรมาส 4/2555 ทันที หวังเพิ่มสัดส่วนขายไฟเป็นรายได้หลักของบริษัท เหตุมีความมั่นคงมากกว่าธุรกิจสิ่งพิมพ์
นายวีระ เหล่าวิทวัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2555 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ในอัตราหุ้นละ 0.045 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 22 สิงหาคม 2555 ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 20 สิงหาคม 2555 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 4 กันยายน 2555
"คณะกรรมการบริษัทฯ ตัดสินใจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้น เพื่อตอบแทนความไว้วางใจและความเชื่อมั่นที่มีกับ EPCO มาตลอด ซึ่งขอให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านเชื่อมั่นในตัวบริษัทฯว่าจะเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่จะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่มีความมั่นคงของ EPCO ในอนาคต”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EPCO กล่าวถึงความคืบหน้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรก ขนาดกำลังการผลิตรวม 10 เมกะวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ที่บริษัทขอยืดเวลาจ่ายไฟฟ้าต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จากเดิมภายในวันที่ 30 มิถุนายน ไปเป็นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 โดยยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อรายได้ในไตรมาส 2/55 ของบริษัทเล็กน้อย แต่โดยรวมทั้งปีไม่มีผลกระทบ เนื่องจากการจ่ายไฟฟ้าให้ กฟภ. จะเกิดขึ้นในปี 2555 นี้อย่างแน่นอน โดยบริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ที่ 20% เทียบกับปีก่อน ที่มีรายได้ 634.91 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทมีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งที่ 2 ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนเอง 100% เนื่องจากมีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและบุคลากรอยู่แล้ว โดยมีเป้าหมายจะผลักดันให้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้ากลายมาเป็นรายได้หลักของ EPCO ในอนาคต เพราะมีความแน่นอนและมั่นคงกว่ารายได้ที่มาจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นรายได้หลักของบริษัทที่มีสัดส่วนมากกว่า 60% ของรายได้รวม
ด้านผลประกอบการของ EPCO ในไตรมาส 2/2555 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2555 ปรากฏว่ามีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 6.67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2554 ซึ่งมีกำไรสุทธิฯ 19.88 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 8.22 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากบันทึกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่ม จำนวนเงิน 5.45 ล้านบาท และบริษัทฯบันทึกภาษีเงินได้นิติบุคคลจานวน 3.83 ล้านบาท สำหรับบริษัทย่อยในปัจจุบันที่ยังไม่ได้ดำเนินการ และค่าใช้จ่ายที่เกิดขี้นเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 1.95 ล้านบาท