สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 9, 2012 10:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,611 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,614 (22.30น.)เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 31.48 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 23,950 บาท กับ 24,050 บาท และกลับมาปิดที่ 23,900 บาท กับ 24,000 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 2,202 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 5,186 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 4 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 0.6% แบบ 10 บาท ลดลง 0.05% Silver Futures 0% GFQ12 ปิดที่ 24,190 บาท และ GFV12 ปิดที่ 24,280 บาท และ GF10Q12 ปิดที่ 24,180 บาท และ GF10V12 ปิดที่ 24,280 บาท SVQ12 ปิดที่ 879 บาท สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 3.2 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,616 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 1.1 เซนต์ ปิดที่ระดับ 28.07 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,254.94 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง32 ดอลลาร์/เซนต์ ปิดที่ระดับ 93.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 7.04 จุด ปิดที่ระดับ 13,175.64 จุด Ratio Gold / Silver 57 เท่ากับ ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ TheBullionDesk, Reuters, Infoquest ราคาทองคำยังมีการเคลื่อนไหวในทิศทาง Sideway เมื่อคืนนี้ โดยสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สส่งมอบเดือนธันวาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.2 เหรียญ ปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,616 เหรียญ และมีการซื้อขายในกรอบ 1,605.9 — 1,619.5 เหรียญ ซึ่งนักลงทุนได้เลือกทองคำให้เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ด้วยความกังวลในปัญหายูโรโซนที่ยังคงมีอิทธิพลต่อตลาด และราคาทองคำยังมีการเคลื่อนตัวตามค่าเงินยูโร ตลาดหุ้น หรือแม้แต่ตลาดพลังงานเช่นกัน CME Group กล่าวในรายงานความคิดเห็นตลาดว่า ราคาทองคำมีการฟื้นตัวจากการปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้เข้าสู่แดนบวกในช่วงกลาง ตลาด ซึ่งวิกฤตหนี้ยูโรโซนที่มีการปะทุขึ้นมาใหม่ทำให้สัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สส่งมอบ เดือนธันวาคมอยู่ภายใต้แรงกดดันในช่วงบ่าย และตลอดจนการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ที่เป็นปัจจัยหลักให้ราคาทองคำปรับ ตัวลดลงในวันก่อน อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวขึ้นมาในความรู้สึกทางเศรษฐศาสตร์มหัพภาคและการรี บาวน์ในตลาดหุ้นสหรัฐส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ ความคิดเห็นจาก นายเมอร์วิน คิง ฝ่ายบริหารธนาคารกลางอังกฤษ ระบุว่า ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องพิมพ์ธนบัตร ซึ่งทำให้นักลงทุนในทองคำรู้สึกผิดหวังในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลาง เทรดเดอร์ต่างๆ ได้กล่าวว่า ตลาดทองคำยังคงรู้สึกกังวลกับเฟดและอีซีบีว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นการกระตุ้นให้มีการเข้าซื้อในทองคำ หรือถ้าจะมีการระงับการดำเนินการเพิ่มเติมก็อาจเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเทขายในทองคำ โดยปริมาณการซื้อขายในโกลด์ฟิวเจอร์สเบาบางเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยความผันผวนเกิดขึ้นในสัญญา call options ที่แกว่งตัวใกล้ระดับ 14 เกือบระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำดูจะมีการฟื้นตัวขึ้นหากความผันผวนกลับมาใกล้ระดับปกติที่ราว 20 เมื่อคืนนี้ช่วงประมาณ 20.30 น. มีการประกาศจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ยืนยันอันดับความน่าเชื่อระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศและในประเทศ (IDR) ของเยอรมนีที่ระดับ AAA โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ ซึ่งฟิทช์ระบุว่า การคงอันดับในครั้งนี้สะท้อนถึงเครดิตและเศรษฐกิจของเยอรมนีที่แข็งแกร่งมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แม้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าขณะที่วิกฤตหนี้ยูโรโซนก็ทวีความรุนแรงขึ้น จีดีพีของเยอรมนีก็ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งและอัตราการว่างงานก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างก่อนหน้านี้ ปริมาณความต้องการทองคำในอินเดียหยุดชะงักลงล่าสุดแม้จะเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นเทศกาลแล้วก็ตาม สาเหตุหนึ่งมาจากทองคำแท่งภายในประเทศมีราคาสูง และผู้เข้าซื้อในชนบทยังคงอยู่นอกตลาด โดยเป็นการถือเงินสดเอาไว้ในช่วงที่ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอที่ส่งผลต่อรายได้ ซึ่งประชากรราว 60% ในชนบทเป็นสัดส่วนของปริมาณความต้องการในอินเดีย นายอาเจย์ คูมาร์ จากเคเดียร์ คอมโมดิตี้ส์ ระบุว่า ความมีเสน่ห์ในทองคำแท่งในอินเดียอาจกำลังลดลง ตามที่ตลาดผูกติดอยู่ระหว่างข่าวดีและข่าวร้ายในตลาดโลก ซึ่งจะเห็นความผันผวนในปริมาณทองคำแท่งที่ลดลงไปถึง 40 — 50% หากเปรียบเทียบกับเมื่อเดือนที่ผ่านมาที่ความผันผวนเริ่มเกิดขึ้น โดยในเดือนกรกฎาคมปริมาณการซื้อขายสัญญาใน MCX ลดลงไป 30.33% ช่วงเวลา 8.30 น. ที่ผ่านมามีการประกาศตัวเลข CPI ของจีน ซึ่งผลที่ออกมาพบว่า จีนมีระดับอัตราเงินเฟ้อในรายปีที่ 1.8% ดีขึ้นจากเดิมที่ระดับ 2.2% ในขณะที่ตัวเลข PPI ออกมาที่ระดับติดลบ 2.9% แย่ลงจากเดิมที่ระดับติดลบเพียง 2.1% และในเวลา 12.30 น. นักลงทุนจะจับตาการประกาศตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกของจีน รวมไปถึง Fixed Asset Investment ซึ่งจะเป็นข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่อย่างไร หลังจากที่เศรษฐกิจจีนมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงมาเป็นเวลา 6 ไตรมาสที่ผ่านมา สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ได้แก่ Nonfarm productivity ของสหรัฐประจำเดือนกรกฎาคมออกมาเพิ่มขึ้น 1.6% จากระดับคาดการณ์ 1.5% และ Preliminary Unit labour cost เพิ่มขึ้น 1.7% มากกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 0.5% และระดับก่อนหน้าที่ 1.3% ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Prelim Nonfarm Productivity ตัวเลขเดิมอยู่ที่ -0.9% ตัวเลขออกมาจริงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.6% - Prelim Unit Labor Costs ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 1.3% ตัวเลขออกมาจริงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.7% - Crude Oil Inventories ตัวเลขเดิมอยู่ที่ -6.5M ตัวเลขออกมาจริงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ-3.7M ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - Trade Balance เดิมอยู่ที่ระดับ -48.7B คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ -47.4B - Unemployment Claims เดิมอยู่ที่ระดับ 365K คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 371K วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ราคาทองคำยังเคลื่อนตัวอยู่กรอบแคบๆ ระหว่าง 1,610 — 1,620 เหรียญ โดยมีเคลื่อนตัวในกรอบนี้เมื่อวานตลอดทั้งวัน เนื่องจากยังไม่มีสัญญาณความชัดเจนจากทางเฟดและอีซีบี ยังคาดว่าราคาทองคำน่าจะขยับตัวในทิศทาง Sideway ต่อไปเรื่อยๆ จนจบอาทิตย์นี้ นักลงทุนทั่วโลกยังรอความชัดเจนที่จะได้รับสัญญาณจากนายมาริโอ ดรากีในการที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางอีซีบี Gold Futures Q12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,070 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,270 บาท Gold Futures V12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,160 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,360 บาท Silver Futures Q12 จะมีแนวรับที่ระดับ 870 บาท และแนวต้านที่ระดับ 900 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เช่นเดิม โดยช้อนซื้อที่ระดับ 1,600 เหรียญและอาจจะขายที่ระดับ 1,620 เหรียญ โดยมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,630 เหรียญตามลำดับ นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) ยังให้ถือ Long Position อยู่ที่ประมาณ 20% โดยพยายามซื้อให้ต้นทุนอยู่ที่บริเวณแนวรับประมาณ 1,610 เหรียญ ลงไป นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ถือ Long Position อยู่ที่ประมาณ 25% บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ