กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--IR network
GUNKUL สร้างความประทับใจอีกครั้ง โชว์กำไรครึ่งปีแรกสุดอลังการ 504.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 358% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 110.18 ล้านบาท “โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์” ส่งสัญญาณ ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังเติบโตไม่น้อยหน้ากัน เพราะดีมานด์เพิ่ม แถมเตรียมจ่อคิวรับรู้รายได้จากโครงการพลังงานทดแทนอีกเพียบ
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)หรือGUNKUL เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2555 ปรากฎว่ากำไรสุทธิได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยอยู่ที่ 504.71 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 110.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 394.53 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 358.07%
ขณะที่กำไรไตรมาส 2/2555 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 109.42 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 52.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 57.14 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 103.55%
สำหรับสาเหตุที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นผลมาจากกลุ่มบริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจำนวน 1,095.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,460.32 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 133.26 เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการรับเหมางานก่อสร้างจำนวน 1,143.90 ล้านบาท อีกทั้งมีรายได้จากการจำหน่ายเงินลงทุนใน บริษัท จี-พาวเวอร์ ซอร์ซ จำกัด จำนวน 416.22 ล้านบาท (ทั้งนี้ ได้รวมผลกำไรส่วนที่เกิดจากการรับรู้มูลค่าเงินลงทุนในบริษัทดังกล่าวด้วยมูลค่ายุติธรรม ณ วันที่โอนจำหน่ายเงินลงทุนให้กับผู้ร่วมทุนและขาดซึ่งอำนาจในการควบคุม จำนวน 97.01 ล้านบาทแล้ว)
“ตัวเลขผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ประกาศออกมานั้น สร้างความประทับใจให้กับองค์กรเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นกำลังใจและเป็นรางวัลให้กับทีมบริหารและทีมงานทุกๆ คน ที่ตั้งใจสร้างผลงานให้กับองค์กรอย่างเต็มที่ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังถือเป็นสัญญาณที่ดีที่จะผลักดันให้ผลการดำเนินงานทั้งปีเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้ อันจะนำมาซึ่งการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต”นางสาวโศภชากล่าวในที่สุด
เขากล่าวต่อถึง แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าความต้องการในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศยังขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก ดังนั้นจะส่งผลให้ GUNKUL ได้รับผลบวกตามไปด้วย ซึ่งจากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ 1,350ล้านบาท แบ่งเป็นงานข้าราชการ 200 ล้านบาท งานจากประเทศพม่า 150 ล้านบาท และงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าอีก 1,000 ล้านบาท อีกทั้งเตรียมยื่นประมูลในครึ่งปีหลังเพิ่มอีกประมาณ 4,000 ล้านบาท และทยอยรับรู้รายได้จาการลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้มั่นใจว่ารายได้รวมปี 55 จะเติบโตตามเป้าที่ 4,300 ล้านบาท หรือเติบโต 50-60% ได้ โดยมาจากธุรกิจหลัก คือ จำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า 70% และอีก 30% มาจากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์