แนวโน้มตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดตราสารหนี้

ข่าวทั่วไป Monday June 13, 2005 07:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--ไทยธนาคาร
สำนักวิจัยมองว่าดัชนีหุ้นไทยทรงตัวถึงปรับตัวลงเล็กน้อยโดยมีแนวต้านอยู่ที่ 680 จุด ส่วนเงินบาทคาดว่ามีแนวโน้มอ่อนค่าลง โดยคาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 40.60 — 40.80 บาท/ดอลลาร์
สำนักวิจัย ธนาคาร ไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) หรือ BT ได้เผยแพร่รายงานแนวโน้มตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดตราสารหนี้ในรอบสัปดาห์นี้ ( 13 — 17 มิ.ย. 48 ) โดยสำนักวิจัยมองว่าในสัปดาห์นี้ดัชนีหุ้นไทยทรงตัวถึงปรับตัวลงเล็กน้อย โดยระดับราคาน้ำมันและค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงเป็นปัจจัยที่กดดันตลาด ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคอยู่ในทิศทางขาลง อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยจะได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ส่วนมูลค่าการซื้อขายคาดว่าจะปานกลาง เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนยังรอดูความชัดเจนของทิศทางตลาดหุ้นไทย โดยดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้จะมีแนวรับอยู่ที่ 670 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 680 จุด สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ คือการเข้าซื้อเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร ที่ได้รับผลบวกจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย R/P 14 วัน เป็น 2.50 %
สำหรับทางด้านค่าเงินบาท สำนักวิจัยมองว่าเงินบาทจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง โดยคาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 40.60 — 40.80 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากประธาน FED กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง และ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป คาดว่าการประชุมวันที่ 29-30 มิ.ย.จะปรับขึ้นอีก 0.25% ซึ่งดึงดูดให้นักลงทุนเข้าถือดอลลาร์เพิ่มขึ้น ขณะที่เงินบาทจะยังถูกกดดันจากเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะการหดตัวของเศรษฐกิจไตรมาสแรก (GDP3.3%) และ ธปท.ระบุว่าไทยอาจขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ แต่เงินบาทได้รับการสนับสนุนจากการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ย RP 14 วันเป็น 2.50% เพื่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ และป้องกันเงินทุนไหลออก
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาพัฒน์ฯได้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกซึ่งขยายตัว 3.3 % ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.48 อยู่ที่ 83.1 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน จากผลกระทบราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง สำนักวิจัย มองว่า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย และปัจจัยที่กดดันเศรษฐกิจไทยยังเป็นปัจจัยที่ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก จึงคาดว่า ตัวเลขจีดีพีไตรมาสสองจะไม่แตกต่างจากไตรมาสแรกมากนัก ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำต่อไป
สำหรับภาวะการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์นี้ (13 - 17 มิ.ย. 48) คาดว่า จุดสนใจของตลาดจะอยู่ที่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯประจำเดือนพ.ค.ที่จะประกาศออกมาในช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีน้ำหนักต่อภาวะการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ทั้งของสหรัฐฯและไทยในสัปดาห์นี้ และมีผลต่อการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 29-30 มิ.ย. ทั้งนี้ ถ้าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ คาดว่า เฟดจะดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น นั่นหมายถึง การคาดการณ์ของตลาดที่มีต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั้งของสหรัฐฯและไทยขยับขึ้นไปรออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นล่วงหน้า--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ