กรุงเทพฯ--30 ก.ค.--กทม.
เมื่อวานนี้ (29 ก.ค.47) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร ได้มีการประชุมสภากทม. สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 (ครั้งที่ 1) ประจำปี พ.ศ.2547 ซึ่ง นายธนา ชีรวินิจ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานในที่ประชุมฯ โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม ทั้งนี้ที่ประชุมฯได้มีการพิจารณาญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2548 ซึ่งในปีนี้กรุงเทพมหานครได้รับอนุมัติเงินอุดหนุนจากรัฐบาลทั้งสิ้นจำนวน 11,905,030,000 บาท
สำหรับหลักการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2548 จำนวน 31,343,825,000 บาทนั้น จำแนกเป็น รายจ่ายประจำ จำนวนทั้งสิ้น 31,343,825,000 บาท งบประมาณดังกล่าว แยกเป็นงบประมาณรายจ่ายของกรุงเทพมหานคร จำนวน 31,000,000,000 บาท โดยจ่ายจากรายได้ประจำของกรุงเทพมหานคร จำนวน 31,000,000,000 บาท และงบประมาณ รายจ่ายการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร จำนวน 171,689,700 บาท รายจ่ายพิเศษ จำนวน 172,135,300 บาท โดยจ่ายจากกำไรสะสมของการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้ตราขึ้นเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้มีงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2548
สำหรับใช้เป็นหลักการในการจ่ายเงินของกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้มีสมาชิกสภากรุงเทพมหานครหลายคน ได้ร่วมอภิปรายซักถามในหลายประเด็นเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายของกรุงเทพมหานคร อาทิ นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ส.ก.เขตบางรัก กล่าวว่า การประมาณการจัดเก็บรายได้ ของกทม.ในปัจจุบันทำให้กทม.มีรายได้น้อย หากกทม.จะเพิ่มหน่วยงานพาณิชย์ขึ้นมาอีกนอกจากสถานธนานุบาล และสำนักงานตลาด เพื่อจัดหารายได้ให้กทม.ก็จะทำให้กทม.มีรายได้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งการขยายฐานภาษีให้ครอบคลุมผู้มีหน้าที่เสียภาษีรายใหม่ๆ และให้มีการศึกษาเรื่องของการจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น เช่น ภาษีป้ายโฆษณาต่างๆซึ่งมีป้ายจำนวนมากที่ยังไม่มีการจัดเก็บภาษี และหากให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจัดเก็บรายได้อย่างเข้มงวด จะสามารถทำให้มีงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็นแสนล้านได้
ด้านนายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง กล่าวว่า กทม.ควรที่จะจัดสรรงบประมาณให้กับสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพิ่มขึ้นเพราะงบประมาณประจำปีที่จัดสรรมา จำนวน 19 ล้านบาท นั้นน้อยเกินไป เนื่องจากสำนักนี้เป็นสำนักใหม่และมีความสำคัญต่อความปลอดภัยของประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร หากเกิดเหตุไฟไหม้พร้อมกันหลายที่แต่หน่วยงานไม่มีความพร้อม ก็อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ ส่วนเรื่องของน้ำประปากทม. ควรมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อติดตั้งระบบน้ำประปาไปในชุมชนที่ยังไม่มีน้ำประปาใช้ และด้านการศึกษานั้นควรจัดสรรให้มีคอมพิวเตอร์ภายในโรงเรียนให้เพียงพอกับจำนวนนักเรียน รวมทั้งครู อาจารย์ที่มาสอน ในโรงเรียนควรที่มีประสบการณ์ด้านอาชีพและมีความรู้เพียงพอด้วย
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร มีมติรับหลักการร่างข้อบัญญัติกทม. เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2548 โดยมีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาร่างข้อบัญญัติฯ ดังกล่าว จำนวน 45 คน ประกอบด้วย สมาชิกสภากทม. 31 คน และฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานคร 14 คน โดยมีนายแก้ว แห้วสันตติ ส.ก.เขตพระนคร เป็นประธานคณะกรรมการ กำหนดแปรญัตติ 15 วัน หลังจากนั้นจะนำเข้าสู่สภากรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ต่อไป--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นห)--