แบงคอค พาร์ม เอสเตท รุกลงทุนพัฒนาอพาร์ทเมนท์ให้เช่า

ข่าวอสังหา Tuesday August 14, 2012 09:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--Knight Frank แบงก์คอค ไพร์ม เอสเตท กรุ๊ป รุกลงทุนพัฒนาอพาร์ทเมนให้เช่า กลางกรุงเทพมหานคร เจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย นายแพทย์ ธนวัฒน์ วัชระรังษี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบงก์คอค ไพร์ม เอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้พัฒนาโครงการนำร่องเป็นอาคารอพาร์ทเมนท์ให้เช่า บนเนื้อที่ดินราว 220 ตารางวา ตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดี 2 ซึ่งเป็นบริเวณที่สะดวก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวรายล้อมไปด้วยอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ร้านอาหาร และ ซุปเปอร์มาเก็ต สถานที่ตั้งอยู่ในแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งสะดวกในการเดินทาง อาคารดังกล่าวเป็นอาคารสูง 8 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักแบบ 1 และ 2 ห้องนอน ราว 59 ยูนิต โดยโครงการนำร่องอันนี้มีชื่อว่า Prime@2 คาดว่าอาคารจะแล้วเสร็จและเปิดให้เช่าได้ภายในเดือน ตุลาคม ศกนี้ นายแพทย์ธนวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทฯได้ทำการศึกษาธุรกิจที่พักให้เช่าสำหรับชาวต่างชาติในกรุงเทพฯ เนื่องจากธุรกิจนี้ได้ทำมาเป็นเวลานานตั้งแต่สมัยคุณยาย ต่อมาถึงคุณแม่ ครั้นมาถึงยุคปัจจุบันวิถีการดำรงชีวิตได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ ผู้บริหารชาวต่างชาติประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุไม่มากนัก การแต่งงานเริ่มช้าขึ้น มีลูกน้อยลง จึงนำความคิดนี้มาพัฒนาที่พักให้เช่า เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป จากผลการวิจัยตลาดอพาร์ทเมนท์ให้ชาวต่างชาติเช่ามีแนวโน้มที่ดี และมีความเป็นไปได้สูง สำหรับโครงการที่มีสถานที่ตั้งที่ดี สะดวก อยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาเก็ต และอยู่ในแนวรถไฟฟ้า โดยจากผลการวิจัยอัตราการเช่าพักอยู่สูงราวร้อยละ 91 ของอุปทาน นอกจากนี้อัตราการเข้าพักของอพาร์ทเมนท์ที่เจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจ นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2543 ถึง ปัจจุบัน มีอัตราการเข้าพักที่สูงในระดับร้อยละ 87 ถึง 93 ทั้งนี้เนื่องจากอุปทานใหม่ในแต่ละปีของอพาร์ทเมนท์มีจำนวนเพิ่มขึ้นค่อนข้างน้อย ณ กลางปี พ.ศ. 2555 อุปทานอพาร์ทเมนท์ให้เช่ามีราว 11,899 หน่วย ซึ่งอุปทานส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 60 หรือ 7,139 หน่วย ตั้งอยู่ในบริเวณสุขุมวิท ในขณะที่บริเวณลุมพินีมีจำนวนอุปทานอพาร์ทเมนท์ให้เช่าอยู่เพียงร้อยละ 16 หรือ ราว 1,903 หน่วย ส่วนบริเวณสีลม/สาทรมีอุปทานอพาร์ทเมนท์อยู่ร้อยละ 18 และ บริเวณพระราม 3 มีอุปทานอพาร์ทเมนท์เพียงร้อยละ 6 ในส่วนของรูปแบบห้องพักพบว่าห้องพักแบบ 3 ห้องนอน มีอุปทานสูงสุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45 ห้องพักแบบ 2 ห้องนอน และ 1 ห้องนอนมีจำนวนอุปทานคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 และ 12 ตามลำดับ โดยห้องพักแบบ 1 ห้องนอนในบริเวณลุมพินีมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เนื่องจากอาคารเป็นอาคารที่สร้างมานาน มีขนาดเล็กสุดอยู่ที่ 84 ตารางเมตร และห้องพักแบบ 2 ห้องนอนที่เล็กที่สุดมีขนาด 90 ตารางเมตร ทางบริษัทฯ จึงนำผลที่ได้จากการวิจัยมาปรับขนาดและรูปแบบห้องพัก เพื่อสร้างความแตกต่าง โดยห้องพักแบบ 1 ห้องนอน มีขนาดตั้งแต่ 30 ถึง 50 ตารางเมตร ส่วน ห้องพักแบบ 2 ห้องนอนมีขนาดตั้งแต่ 50-60 ตารางเมตร ซึ่งโครงการได้ปรับรูปแบบห้องพักให้มีความลงตัว นายแพทย์ธนวัฒน์กล่าว อย่างไรก็ดีทางโครงการยังต้องพบกับคู่แข่งขันที่ค่อนข้างใหญ่กล่าวคือ คอนโดมิเนียมที่มีผู้ซ้อและนำมาปล่อยเช่า ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนสูงถึงร้อยละ 50 ของจำนวนอุปทานคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จในแต่ละปี หากแต่จุดขายของโครงการมุ่งเน้นที่ความสะดวกสบายของการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมภายในห้องพัก หากพักในโครงการจะได้รับการบริการทันที แต่หากการเช่าคอนโดมิเนียม คงมิได้รับความสะดวกในการรับบริการ เท่ากับการเช่าอพาร์ทเมนท์ เนื่องจากเมื่ออุปกรณ์ในห้องพักเสีย ผู้เช่าต้องติดต่อเจ้าของห้อง ซึ่งมักมิได้พักอยู่ในอาคารนั้นๆ การดำเนินการซ่อมแซม และการให้บริการ จึงล่าช้า สำหรับโครงการPrime@2 มูลค่าโครงการราว 300 ล้านบาท โครงการอยู่ระหว่างการตกแต่งภายใน มีห้องพักแบบ 1 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 30 ตารางเมตร ไปจนถึง 50 ตารางเมตร ราคาค่าเช่าเริ่มต้นที่เดือนละ 18,000 บาท ต่อ เดือน และห้องพักแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ 50-60 ตารางเมตร ราคาเช่าเริ่มต้นที่ 40,000 บาท ต่อ เดือน พร้อมที่จะเปิดให้บริการภายในเดือนตุลาคมปีนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ