กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--อินโดรามา เวนเจอร์ส
ไอวีแอลเผยรายได้ในไตรมาส 2/2012 ทะลุ 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ กิจการในยุโรปมั่นคงในขณะที่ PTA ในเอเชียอ่อนตัว
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)รายงานรายได้รวมในไตรมาสที่ 2 ปี 2555 อยู่ที่ 1,741 ล้านเหรียญสหรัฐและกำไรหลักรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) สำหรับไตรมาสนี้อยู่ที่ 151 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรสุทธิหลักจากการดำเนินงานหลังหักภาษีเงินได้และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (ไม่รวมรายการพิเศษและกำไร/ขาดทุนจากสินค้าเหลือ) ที่ 54 ล้านเหรียญสหรัฐ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งภายใต้สภาพเศรษฐกิจส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2555 จาก 1.19 ล้านตันเป็น 1.35 ล้านตัน ส่งผลให้ Core EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 80 และกำไรต่อหุ้นหลัก (Core EPS) เพิ่มขึ้นร้อยละ 227
การเข้าซื้อกิจการ Old World ในภูมิภาคอเมริกาเหนือเมื่อเดือนเมษายน 2555 ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น Indorama Ventures (Oxide & Glycols) เป็นการเพิ่มสายธุรกิจใหม่ให้ IVL และทำให้ควบรวมไปสู่ธุรกิจ MEG (ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตโพลีเอสเตอร์) เป็นครั้งแรก ส่งผลให้ IVL เป็นผู้ผลิตโพลีเอสเตอร์ระดับโลกเพียงรายเดียวที่มีการเชื่อมโยงไปยังวัตถุดิบหลักทั้ง PTA และ MEG การเข้าซื้อกิจการ ทำให้ IVL มีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 30 สำหรับ merchant PEO (Purified Ethylene Oxide) ในอเมริกาเหนือ บริษัทฯได้รวมผลการดำเนินงานของ Indorama Ventures (Oxide and Glycols) Limited เป็นครั้งแรกในไตรมาสที่ 2 ปี 2555 และเป็นหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ในขณะที่ Core EBITDA ต่อตันในไตรมาสที่ 2 ปี 2555 อยู่ที่ 112 เหรียญสหรัฐต่อตัน เปรียบเทียบกับ 71 เหรียญสหรัฐต่อตันในไตรมาสที่ 1 ปี 2555 โดยมี EBITDA เพิ่มขึ้นในทุกส่วนจากการเพิ่มขึ้นของธุรกิจใหม่ หากมองตามภูมิภาค อเมริกาเหนือยังคงทำรายได้สูงสุดในขณะที่ยุโรปมีการปรับตัวต่ำลงเล็กน้อย
IVL มีอัตราส่วนหนี้สินจากการดำเนินงานต่อทุนที่ 1.1 เท่าในไตรมาสที่ 2 ปี 2555 จากการเข้าซื้อกิจการบริษัท Indorama Ventures (Oxide and Glycols) Limited ในเดือนเมษายน 2555 ซึ่งสูงกว่าตัวเลข 0.6 เท่าในปลายปี 2554
การลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกในไตรมาสที่ 2 ปี 2555 ส่งผลให้เกิดการขาดทุนในสินค้าคงเหลือจำนวน 46 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้กำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในไตรมาสที่ 2 ปี 2555 อยู่ที่ 39 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2555 ที่ 55 ล้านเหรียญสหรัฐ สเปรดของ PTA ในเดือนมิถุนายน 2555 อยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ 50 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงจากตัวเลขสูงสุดที่ 400 เหรียญสหรัฐต่อตันในเดือนมีนาคม 2554
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าว “การปรับปรุงการดำเนินงานของโรงงานใน Spartanburg การขยายกำลังการผลิตของโรงงานใน Rotterdam ที่จะเริ่มดำเนินการผลิตในไตรมาสที่ 3 ปี 2555 รวมทั้งการเพิ่มธุรกิจออกไซด์และไกลคอล ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ในอเมริกาเหนือ จะช่วยชดเชยกำไร PTA ที่อ่อนตัวลงในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะยังคงมีแนวโน้มเช่นนี้ตลอดปี 2555 โรงงานของเราจะยังคงดำเนินงานในอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงสุดและใช้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของการบริโภค PTA ภายในกว่าร้อยละ 50 สำหรับธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก PET และเส้นใยเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ของเรา”
“บริษัทฯ เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ FiberVisions ผู้นำอุตสาหกรรมด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยที่มีการดำเนินงานในอเมริกา ยุโรปและจีนเมื่อเดือนมกราคม 2555 ส่งผลให้ IVL ขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การเข้าซื้อธุรกิจรีไซเคิล PET และธุรกิจเส้นใยจาก Wellman International ในยุโรปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2554 ทำให้ IVL เป็นผู้ผลิตที่โดดเด่นที่สุดในยุโรปด้วยการดำเนินธุรกิจครบวงจรภายในห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์” นายโลเฮีย กล่าวเสริม “ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นถึงความผันผวนอย่างมาก ซึ่งมีความใกล้เคียงกับที่เราเคยเจอในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2551 มีการลดลงของสินค้าคงเหลือในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่ำลง ซึ่งเราได้เห็นในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2554 และอีกครั้งในไตรมาสที่ 2 ปี 2555 นอกจากนี้ยังมีการชะลอการเติบโตในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีนและอินเดีย เราต้องอดทนและรอเวลาที่การเติบโตจะฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลทางบวกกับบริษัท เหมือนอย่างที่เคยเป็นในปี 2552 และ 2554 การเติบโตของรายได้อย่างต่องเนื่องแม้ในสภาพตลาดที่ผันผวน เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า ธุรกิจของอินโดรามา เวนเจอร์ส ซึ่งมีการเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมปิโตรเคมีต้นน้ำและอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค ทำให้ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงเศรษฐกิจขาลง” นายโลเฮียกล่าว โพลีเอสเตอร์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถซื้อหาได้ง่าย เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน และมีการใช้งานในสินค้าอุปโภคบริโภค (อาหาร เครื่องดื่มและเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม) ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคหลัก ทำให้สามารถขึ้นเป็นผู้นำตลาด
“เราคาดว่า การลงทุนในนวัตกรรมหรือสินค้ามูลค่าเพิ่มจะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสร้างการเติบโตใหม่ๆให้กับ IVL โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดใหม่ที่กำลังเติบโต” นายโลเฮียกล่าว “เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีเยี่ยม พร้อมรับผลประโยชน์เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว”