กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
กรมบัญชีกลางแจ้งผู้ที่เข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด ให้ดำเนินการยื่นขอรับเงินและขอเบิกเงินช่วยเหลือในระบบบำเหน็จบำนาญ (e-pension) ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2555 เพื่อจะได้รับสิทธิยกเว้นไม่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2555 นี้
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2550 เห็นชอบกรอบระยะเวลาดำเนินการมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการหรือ โครงการเกษียณอายุ
ก่อนกำหนด ไม่เกิน 5 ปีงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ถึงปี พ.ศ. 2556 (ออกจากราชการ 1 ตุลาคม 2555) โดยผู้ที่ได้รับเงินช่วยเหลือการออกจากราชการตามมาตรการดังกล่าว ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2551 ถึงวันที่31 ธันวาคม 2555 และได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากร ส่วนผู้ที่ได้รับเงินช่วยเหลือตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไปนั้น จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 ให้ผู้ที่ได้รับเงินช่วยเหลือตามมาตรการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556เป็นต้นไป ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายของกรมสรรพากรเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
“ในระหว่างที่แก้ไขกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบแก่ผู้ที่เข้าโครงการจากกรณีดังกล่าว จึงขอให้ผู้ที่เข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด ติดต่อเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเพื่อยื่นเรื่องขอรับเงินและขอเบิกเงินช่วยเหลือตามมาตรการฯ ในระบบบำเหน็จบำนาญ (e-pension) ให้เสร็จสิ้นในรอบการจ่ายเงินที่ 3 ของเดือนธันวาคม 2555 เพื่อจะได้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2555 นี้ หากยื่นภายหลังจะต้องนำมารวมเป็นรายได้เพื่อคำนวณภาษีและกรมบัญชีกลางจะหักภาษีเงินได้ไว้ก่อน จนกว่าการแก้ไขกฎหมายจะแล้วเสร็จ จึงจะขอคืนภาษีได้ภายหลัง” นายรังสรรค์ กล่าว
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา มีผู้ที่เข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด จำนวน 26,642 คน ใช้งบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินช่วยเหลือตามมาตรการจำนวน 10,060 ล้านบาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2555นี้ ตามกรอบจำนวนผู้เข้าร่วมมาตรการฯ มีจำนวน 27,089 คน แต่จะมีผู้เข้าโครงการเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละส่วนราชการว่าจะอนุมัติจำนวนเท่าใด