กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ประเภท Action
กำหนดฉาย 16 สิงหาคม 2012
บริษัทจัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
อำนวยการสร้าง อาวิ เลอร์เนอร์ (The Expendables, Rambo, The Mechanic)
กำกับ ไซม่อน เวส (Con Air, Lara Croft: Tomb Raider, The Mechanic)
นำแสดง ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (เขียนบท) (Rocky, Rambo, The Expendables)
เจสัน สเตทแธม (The Transporter 1-3, The Expendables, Killer Elite)
อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Terminator 1-3, True Lies)
บรูซ วิลลิส (Die Hard 1-4, Red, The Expendables)
เลียม เฮมส์เวิร์ธ (The Hunger Games, The Last Song)
ฌอง-คล็อด แวน แดมม์ (Universal Soldier, Timecop, Hard Target)
ชัค นอร์ริส (The Delta Force, Missing in Action, Enter the Dragon)
เนื้อเรื่อง
ทีมเอ็กซ์เพนเดเบิ้ล ที่ประกอบไปด้วย บาร์นี่ รอส (ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน), ลี คริสต์มาส (เจสัน สเตทแธม), หยินหยาง (เจ็ท ลี), กันเนอร์ เจนเซ่น (ดอล์ฟ ลันด์เกรน), โทล โร้ด (แรนดี้ โคตูร์) และ เฮล ซีซาร์ (เทอร์รี่ ครูว์ส) รวมถึงสมาชิกใหม่อย่าง บิลลี่ เดอะ คิด (เลียม เฮมส์เวิร์ธ) และ แม็กกี้ (นานหยู่) มารวมตัวกันอีกครั้ง หลังจาก มร. เชิร์ช (บรูซ วิลลิส) มอบหมายภารกิจที่ดูเหมือนง่ายๆให้พวกเขา แต่เมื่อบางอย่างเกิดผิดพลาด และหนึ่งในสมาชิกทีมถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม พวกเขาจึงมีภารกิจใหม่ นั่นก็คือการการล้างแค้น
พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อกรสำคัญอย่าง ฌอง วิเลน (ฌอง-คล็อด แวน แดมม์) ที่ต้องการครอบครองพลูโตเนียมจำนวน 5 ตัน ซึ่งมากพอที่จะเปลี่ยนขั้วอำนาจบนโลกใบนี้ แต่นั่นก็เทียบไม่ได้เลยกับแรงแค้นของ บาร์นี่ย์ และสมาชิกทีมเอ็กซ์เพนเดเบิ้ล ที่ต้องการคิดบัญชีกับผู้ที่พรากชีวิตพี่น้องร่วมสาบานไป
The Expendables 2 กำกับโดย ไซม่อน เวส (Con Air, Lara Croft: Tomb Rider) ภาคต่อของหนังแอ็คชั่นปี 2010 ที่ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 274 ล้านเหรียญ พร้อมทีมนักแสดงชุดเดิมกลับมาพร้อมหน้า ไม่ว่าจะเป็น ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน, เจสัน สเตทแธม, เจ็ท ลี, ดอล์ฟ ลันด์เกรน, แรนดี้ โคตูร์, เทอร์รี่ ครูว์ส, บรูซ วิลลิส และ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์
นอกจากนั้นก็ยังเสริมด้วยทีมนักแสดงดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง เลียม เฮมส์เวิร์ธ (The Hunger Games) และรุ่นเก๋าอย่าง ชัค นอร์ริส และ ฌอง-คล็อด แวน แดมม์ ร่วมด้วย นานหยู่ กับการรับบทเป็นสมาชิกทีมเอ็กซ์เพนเดเบิ้ล หญิงคนแรก The Expendables 2 เขียนบทโดย ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน และอำนวยการสร้างโดย อาวิ เลอร์เนอร์
การกลับมาของ “โคตรคน ทีมเอ็กซ์เพนเดเบิ้ล”
ครั้งแรกคือภารกิจ แต่ครั้งนี้คือเรื่องส่วนตัว!!
ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน หัวเรี่ยวหัวแรงในการสร้าง The Expendables ได้นำทีมแอ็คชั่นสตาร์กลับมาอีกครั้งในภาคต่อ หลังจากภาคแรกประสบความสำเร็จถล่มทลาย ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 274 ล้านเหรียญ ซึ่งก็เหมือนกับภาคแรกเมื่อ สตอลโลน กลับมาสวมบทเป็น บาร์นี่ย์ รอส อีกครั้ง เขาเผยว่า "ทีมนักแสดงที่เรารวบรวมในภาคนี้น่าทึ่งที่สุด ไม่มีข้อสงสัยเลยว่า The Expendables 2 เป็นหนังแอ็คชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยมีส่วนร่วม"
หลังจากภาคแรกประสบความสำเร็จ สตอลโลน ก็พูดถึงจุดเด่นของ The Expendables ว่า "ผมคิดว่าหนังเรื่องแรกเป็นการเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไประหว่างหนังแอ็คชั่นสมัยเก่าและใหม่ พวกเรานำเอานักแสดงที่สร้างชื่อจากหนังแนวนี้มารวมตัวกัน เพื่อนำเสนอความมันส์แบบเพียวๆ มอบบางสิ่งให้กับคนดูที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว เพราะผมคิดว่าหนังแอ็คชั่นสมัยนี้อาศัยแต่ลูกเล่นหรือเทคโนโลยีมากกว่า"
เจสัน สเตทแธม ที่กลับมารับเป็น ลี คริสต์มาส ผู้เชี่ยวชาญการใช้มีดประจำทีม และก็เป็นเพื่อนสนิทของ บาร์นี่ย์ รอส ก็ได้อธิบายถึงสิ่งที่ทำให้ The Expendables 2 แตกต่างจากหนังแอ็คชั่นในปัจจุบันว่า "พวกเขาเป็นฮีโร่ที่จับต้องได้ ไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่ พวกเขาบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ พวกเขามีจุดอ่อนและต่างก็มีปีศาจร้ายในตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เก่งที่สุดในเรื่องการจัดการผู้ร้าย ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ผู้ชมเชื่อมถึงได้ มันมีเลือดเนื้อในตัวละครเหล่านี้มากกว่าทีมซุเปอร์ฮีโร่ในชุดเก่งหลายเท่า"
ใน The Expendables เป็นครั้งแรกที่ผู้ชมได้เห็น ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน, บรูซ วิลลิส และ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ปรากฏตัวในฉากเดียวกัน แต่ใน The Expendables 2 บทบาทของ เชิร์ช (บรูซ) และ เทรนช์ (อาร์โนลด์) ก็ถูกขยายเพิ่มขึ้นตามคำเรียกร้องของทุกคน สตอลโลน เผยว่า "ผมดีใจที่พวกเขามีเวลาว่างในการเข้ามารับบท มร. เชิร์ช ที่รับบทโดย บรูซ นั้นก็คือเหมือนกับตัวละครปริศนา พวกเราไม่รู้ว่าเขาวางแผนอะไรอยู่ แต่เขาก็มีอำนาจและยังเลือดเย็นอีกด้วย"
ในขณะที่ทั้ง ชวาร์เซเน็กเกอร์ และ สตอลโลน ได้ร่วมงานกันในหนังแอ็คชั่นเรื่อง Last Stand ที่มีกำหนดฉายปี 2013 แต่ก่อนหน้านั้นหนึ่งอาทิตย์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ก็เข้ามาถ่ายทำฉากที่สนามบินพลอพดิฟในบัลแกเรีย สตอลโลน เผยว่า "ถึงแม้ว่า บาร์นี่ย์ กับ เทรนซ์ จะเป็นศัตรูกัน แต่พวกเราก็ต้องร่วมมือกันเมื่อสถานการณ์บีบบังคับ มันเป็นเรื่องน่าทึ่งที่เราเป็นเพื่อนกันมานาน แต่ก็ไม่เคยแสดงหนังร่วมกันมากเท่านี้มาก่อน ผมคิดว่ามันคุ้มค่าสำหรับใครก็ตามที่เฝ้ารอช่วงเวลานี้ ผมและเขามีสไตล์ที่แตกต่างกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นก็คือการสร้างความบันเทิงให้กับคนดู"
แอ็คชั่นสตาร์ในตำนานอย่าง ชัค นอร์ริส ก็ได้เข้ามาร่วมแสดงใน The Expendables 2 โดยรับบทเป็น บูเกอร์ อดีตหน่วยคอมมานโดที่กลับมาทำภารกิจในการช่วยเพื่อนเก่าในหน่วยของเขา สตอลโลน เผยถึงความรู้สึกในการได้ตำนานมาแสดงว่า "ชัค ไม่ได้แสดงหนังมานานแล้ว แต่เขาก็ตกลงที่จะเข้ามารับบทในเรื่องนี้ เขาเป็นตัวละครที่จู่ๆก็โผล่มาช่วยชีวิตพวกเราทุกคน เขาเป็นเหมือนหมาป่าผู้โดดเดี่ยว เขาจะอยู่ตรงนั้นเมื่อคุณต้องการความช่วยเหลือ และก็ไปก่อนที่คุณจะได้เอ่ยคำขอบคุณ"
สตอลโลน ยังพูดถึง นอร์ริส ต่อว่า "มันใช้เวลานานก่อนที่ ชัค จะตัดสินใจรับบท เพราะเขาเป็นคนที่ห่วงในเรื่องบทมาก เขาอยากทำให้แน่ ใจว่า หนังจะไม่ทำให้ออกมารุนแรงหรือโหดร้ายเกินไป ดังนั้นเมื่อเขาพบว่าบทภาพยนตร์ให้ความสำคัญในเรื่องความสนุกและการผจญภัยของทีม มากกว่าที่จะแสดงให้เห็นถึงฉากการฆ่าต่างๆนาๆ เขาจึงตอบตกลงรับบท"
หนังแอ็คชัน-ผจญภัยที่ดีนั้นจำเป็นจะต้องมีผู้ร้ายที่น่าจดจำ ซึ่ง The Expendables 2 ได้ ฌอง-คล็อด แวน แดมม์ เข้ามารับบทเป็น ฌอง วิเลน โดย สตอลโลน ก็ได้พูดถึง แวน แดมม์ ว่า "ผู้คนจะไม่เคยเห็นเขาในบทแบบนี้มาก่อน เพราะปกติแล้วเขาจะรับบทเป็นพระเอก ผมคิดว่าผู้ชมจะแปลกใจกับ วิเลน ที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทำลายล้างพวกเรา และยังมีฉากที่ วิเลน กับ บาร์นี่ย์ สู้กันตัวต่อตัว มันเหมือนกับมวยชิงแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวท ที่คุณคิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางได้เห็น"
นอกจากนั้นก็ยังมีสายเลือดใหม่เข้ามาร่วมแสดงด้วย สตอลโลน อธิบายว่า "เลียม เฮมสเวิร์ธ รับบทเป็น บิลลี่ เดอะ คิด มือสไนเปอร์ระดับโลก ที่หมดศรัทธาในกองทัพก่อนที่เขาจะรับเหรียญกล้าหาญ บิลลี่ เข้าร่วมทีมเอ็กซ์เพนเดเบิ้ลก่อนที่จะพบว่าสิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดก็คือ การกลับไปหาแฟนสาวที่บ้านและใช้ชีวิตแบบคนปกติ มันทำให้พวกเราอิจฉาเพราะเราไม่เคยมีชีวิตปกติ มันมีประโยคหนึ่งที่ บาร์นี่ย์ พูดกับเขาว่า "ถ้านายมีทางเลือก อย่าโตขึ้นมาเป็นแบบพวกเรา""
หลังจากได้ทีมนักแสดงที่ต้องการเข้ามาใน The Expendables 2 มาตรฐานของการแสดงก็ถูกยกสูงขึ้น สตอลโลน อธิบายว่า "มันมีนักแสดงมากมายในเรื่องนี้ และไม่มีใครอยากโดนคนอื่นบดบังรัศมี ดังนั้นพวกเราทุกคนจึงใส่กันแบบ100% เต็มในทุกวินาทีที่ถ่ายทำ มันเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง ทุกฉากหรือบทพูดถูกออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับบุคลิกจริงของแต่ละคน"
ในการสร้างทีมทหารรับจ้างสุดเก๋า ที่ได้รับความรักจากผู้ชมทั่วโลก สตอลโลน ได้เผยว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจจากหนังแอ็คชั่นคลาสสิกอย่าง The Dirty Dozen, The Wild Bunch และ Dogs of War ที่ไม่เพียงมีฉากแอ็คชั่นที่น่าจดจำ แต่ยังไม่ลืมสร้างตัวละครที่มีเลือดเนื้อ “พวกเขาไม่มีพลังพิเศษนอกจากความต้องการที่จะเอาชีวิตรอดและเอาชนะอุปสรรค มันเป็นบางสิ่งที่ทุกคนเชื่อมถึงได้ นี่คือคนที่พยายามช่วยคนอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ"
ดอล์ฟ ลันด์เกรน เสริมต่อว่า "สไล มีแนวคิดในการทำเหมือนหนังแอ็คชั่นคลาสสิกอย่าง The Dirty Dozen แอ็คชั่นของจริง สตันท์ของจริง การต่อสู้ของจริง ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่คอหนังแอ็คชั่นไม่ได้เห็นมานานแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นการสร้างในแนวทางย้อนอดีต แต่มันก็มีสิ่งที่สดใหม่อยู่ในรายละเอียดของหนัง"
เจสัน สเตทแธม อธิบายถึงความรู้สึกในการได้เข้ามาในกองถ่ายตั้งแต่เช้า และได้เห็นไอด้อลร่วมแสดงหนังกับเขาในแต่ละวัน "สไล, บรูซ, อาร์โนลด์ นี่คือสามนักแสดงที่ผมต้องการเอาเป็นแบบอย่าง มันเป็นเหมือนฝันที่ได้เห็นชื่อของตัวเองอยู่เคียงข้างสามแอ็คชั่นสตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มันเป็นเกียรติที่ผมจะไม่มีวันลืม"
ไม่เพียงแต่รุ่นถัดมา เพราะรุ่นเดียวกันอย่าง สตอลโลน ก็รู้สึกแบบเดียวกัน เขาเผยว่า "คุณรู้ไหม บางครั้งที่คุณอยู่ในกองถ่าย คุณก็จะคิดว่า พระเจ้า คนเหล็กยืนอยู่ตรงนั้น หรือ จอห์น แม็คเคลน ยืนอยู่ตรงนี้ ส่วนผมก็เป็น แรมโบ้ หรือ ร็อคกี้ พวกเราทั้งสามคนน่าจะทำงานร่วมกันมานานแล้ว แต่บางทีมันก็อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุด เพราะว่าการรอคอยทำให้ทุกอย่างที่คุณค่า"
ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน คือผู้กำกับ The Expendables แต่ในภาคนี้เขาก็มอบหน้าที่ให้กับ ไซม่อน เวส (Con Air, The Mechanic, Lara Croft: Tomb Raider) ซึ่งเขาก็ดีใจที่ได้มอบหน้าที่ให้กับ ไซม่อน เพื่อที่เขาจะได้โฟกัสไปที่การเขียนบท และทำให้ตัวละครมีมิติและเป็นที่น่จดจำมากขึ้น "ไซม่อน เป็นผู้กำกับที่เข้าใจฉากแอ็คชั่นมากที่สุด ทั้งสโคป เรื่องราว หัวใจ และฉากแอ็คชั่น จะต้องดีขึ้นกว่าภาคที่แล้วแน่นอน พวกเราได้เรียนรู้ว่าอะไรที่เวิร์คหรือไม่เวิร์คในภาคแรก มันไม่มีทางเลยที่ผมจะทำทุกอย่างในหนังสเกลขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาถ่ายทำที่บัลแกเรีย"
เจ็ท ลี ก็อธิบายถึงการร่วมงานกับ ซิลเสเตอร์ สตอลโลน และ ไซม่อน เวส ว่า "สตอลโลน เป็นนักแสดงแอ็คชั่นที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาก็เป็นคนเขียนบทที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ในขณะเดียวกัน ไซม่อน เวส ก็เป็นผู้กำกับที่ฉลาดและมีความยืดหยุ่น โดยปกติทีมงานหนังฮ่องกงจะทำงานกันรวดเร็ว ในขณะที่หนังฮอลลิวู้ดจะมีเวลาถ่ายทำที่ยาวกว่า ผมรู้สึกดีใจที่ ไซม่อน มอบโอกาสให้ผมตัดสินใจว่า สไตล์การต่อสู้ของ หยินหยาง จะเป็นแบบไหน ผมสนุกกับการได้ร่วมงานกับเขา"
อะไรที่ทำให้คุณเป็นแอ็คชั่นฮีโร่?
ก่อนที่จะถ่ายทำการต่อสู้ระหว่าง บาร์นี่ย์ และ วิเลน ซึ่งถือเป็นฉากไคลแม๊กซ์ของหนัง สตอลโลน ก็ได้พิจารณาถึงสิ่งที่ทำให้คนธรรมดาเป็นแอ็คชั่นฮีโร่ "ไม่ใช่มัดกล้าม ไม่ใช่ความสามารถด้านกีฬา ผมคิดว่ามันต้องเป็นบางสิ่งที่ผู้ชมเชื่อมถึงได้ เขาต้องเป็นมนุษย์ที่สามารถแตะต้อง เข้าถึง สมจริง และมีข้อด้อย ฮีโร่จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของผู้คน และผู้คนก็ต้องสามารถเอาใจช่วยเขา ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้คุณเป็นแอ็คชั่นสตาร์ก็คือการมีผู้ชมเป็นแรงผลักดัน"
เจสัน สเตทแฮม ก็มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ "อะไรที่ทำให้คุณเป็นแอ็คชั่นฮีโร่งั้นเหรอ ผมขอตอบว่า Rambo 6 ภาค และ Rocky 4 ภาคนั่นไง สตอลโลน เป็นคนที่คุณนึกถึงเมื่อพูดถึงแอ็คชั่นฮีโร่ เช่นเดียวกันกับ บรูซ วิลลิส และ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ พวกเขาคือนักแสดงที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผม ผมคิดว่าพวกเขามีคุณสมบัติครบถ้วน"
ลันด์เกรน ที่กลับมารับบทเป็น กุนนาร์ เจนเซ่น ซึ่งกลับเนื้อกลับตัวมาอยู่ในทีม ก็ได้พูดถึงการได้กลับมาร่วมงานกับ สตอลโลน ว่า "ภาคแรกถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม เพราะผมได้กลับไปร่วมแสดงกับ สไล อีกครั้งนับตั้งแต่ Rocky III ครั้งนี้ก็เหมือนกับการมางานเลี้ยงรุ่นอีกครั้ง และผมก็ดีใจที่ได้เล่นเป็นตัวละครที่บ้าระห่ำอย่าง กุนนาร์ เจนเซ่น อีกครั้ง"
นักสู้บทเวที MMA อย่าง แรนดี้ โคตูร์ ก็กลับมารับบทเป็น โทล โร้ด ที่เป็นเหมือนมันสมองของกลุ่ม เขาเล่าา "ผมดีใจที่ได้รับคำเชิญของ สไล ให้กลับมารับบทนี้อีกครั้ง ผมคิดว่า โทล โร้ด เป๋นเหมือนเสียงแห่งเหตุผล และก็เป็นเหมือนกาวที่ยึดสมาชิกของทีมเอาไว้ด้วยกัน"
นักแสดงผิวดำร่างบึ้ก เทอร์รี่ ครูว์สก็กลับมารับบทเป็น เฮล ซีซาร์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุธหนักเช่นเดียวกัน โดยครั้งนี้เขาก็ได้ถืออาวุธประจำตัว นั่นก็คือ ช็อตกัน AA-12 auto assault 12-gauge ที่ถูกออกแบบขึ้นเป็นพิเศษสำหรับกองทหารในปี 1972 ที่สามารถยิงได้ 300 นัดต่อวินาที ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นอาวุธมือที่ทรงพลังที่สุดในโลก
ผู้อำนวยการสร้าง อาวิ เลอร์เนอร์ ได้สรุปถึงส่วนผสมที่ลงตัวมากขึ้นใน The Expendables 2 ว่า "สไล เป็นหนึ่งในตำนานของโลกภาพยนตร์ และเขาก็เป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งในวงการ ผมรู้สึกตื่นเต้นกับทีมนักแสดงที่เรามี รวมถึงบทบาทที่มากขึ้นสำหรับอีกสองตำนานอย่าง บรูซ และ อาร์โนลด์ รวมถึง ชัค นอร์ริส และ ฌอง-คล็อด แวน แดมม์ พวกเราจะมีการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ฉากแอ็คชั่นที่เข้มข้นขึ้น และความตื่นเต้นกับผู้ชมที่มากยิ่งขึ้น ผมคิดว่จะามันต้องประสบความสำเร็จยิ่งกว่าภาคแรกแน่นอน"
สถานที่ถ่ายทำ
The Expendables 2 ถ่ายทำในประเทศบัลแกเรียช่วงปลายปี 2011 และเสร็จสิ้นการถ่ายทำที่ฮ่องกงและรัฐนิวออร์ลีนในช่วงต้นปี 2012 โดยสภาพภูมิประเทศของบัลแกเรียก็เอื้ออำนวยให้ผู้กำกับ ไซม่อน เวส, ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน รวมถึงทีมนักแสดงและทีมงานได้ใช้ถ่ายทำหลากหลายพื้นที่ ตั้งแต่หมู่บ้านโบราณ ถ้ำใต้ดินที่น่าทึ่ง รวมถึงป่าบนภูเขาหนาทึบ
สตอลโลน พูดถึงสถานที่ถ่ายทำว่า "พวกเราใช้สถานที่เหล่านี้ได้คุ้มที่สุด อย่างเช่นถ้ำต่างๆในบัลแกเรียที่มีชื่อเสียงระดับโลก คุณไม่สามารถสร้างสิ่งนี้ในโรงถ่ายได้ ถ้ำบางแห่งใหญ่จนกระทั่งคุณขับเครื่องบินเข้าไปจอดได้... ซึ่งเราก็ทำแบบนั้นจริงๆในหนัง (หัวเราะ) ความน่าทึ่งของมันทำให้ผมแทบลืมหายใจไปเลย และแนวทางที่ ไซม่อน ถ่ายทำก็ยิ่งช่วยเสริมสร้างความยิ่งใหญ่ของหนัง"
ดอล์ฟ ลันด์เกรน เองก็คุ้นเคยกับสภาพภูมิประเทศในบัลแกเรีย เขาเล่าว่า "มันเป็นพื้นหลังที่มีสีสันและเพิ่มความน่าสนใจให้หนัง ผมถ่ายทำหนังมาแล้ว 7 เรื่องในบัลแกเรีย รวมถึงหมู่บ้านบัลคานที่เราใช้เป็นฐานกำลังของศัตรู มันทำให้ผมนึกถึงบ้านเกิดอย่างสวีเดน ในตอนที่ผมเป็นเด็กในยุค 60 มันเป็นสถานที่ที่น่าสนใจ และก็มีเสน่ห์บางอย่างเกี่ยวกับมัน ที่ทำให้บรรรยากาศมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น"
สนามบินพล็อพดิฟ ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในบัลแกเรีย อยู่ใกล้กับรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงอย่าง บารอสโก้ และ แพมโพโลโว ก็ถูกใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำฉากไฮไลท์ของหนัง ก็คือฉากที่ตัวละครของ ซิสเวสเตอร์ สตอลโลน, บรูซ วิลลิส และ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ต้องร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม
นอกจากการเข้าไปถ่ายทำในป่าที่เขียวชะอุ่ม, ทะเลสาบโบราณ, ถ้ำที่กว้างใหญ่มหาศาล และหมู่บ้านบัลแคนโบราณ ทีมงานก็ยังได้ถ่ายทำในเซ็ทนอกสถานที่ขนาดมหีมา ที่ตั้งอยู่ใน Nu Boyana Film Studios ใกล้กับ โซเฟีย เมืองหลวงของบัลแกเรียอีกด้วย
ซิลเวสเตอร์ ได้พูดถึงประสบการณ์ในการถ่ายทำ The Expendables 2 และความคาดหวังของเขา "บางทีมันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่ง หรือบางทีก็อาจเป็นจุดสิ้นสุดของยุคสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจก็คือ หนังแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว การรวบรวมทีมนักแสดงชุดนี้ก็เป็นเหมือนกับปาฏิหาริย์ มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก นี่ถือเป็นประสบการณ์พิเศษสำหรับคนดู พวกเราใช้เวลายาวนานในการสร้าง ผมหวังว่ามันจะสิ่งที่คนดูจะพูดถึงต่อไปในอนาคต"
ทีมนักแสดง
ซิลเวสเตอร์ สอตลโลน (รับบทเป็น บาร์นี่ย์ / เขียนบท)
ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ถือเป็นแอ็คชั่นสตาร์ระดับโลกที่มีความสามารถหลายด้าน ทั้งการเขียนบท กำกับ และนำแสดง โดยบทภาพยนตร์ที่เขาเขียนและแสดงนำปี 1976 อย่าง Rocky ก็สามารถสร้างปรากฏการณ์ เมื่อได้รับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีเดียวกัน โดยหลังจากนั้น Rocky ก็ได้มีตามออกมาอีก 5 ภาค ซึ่งในปี 2006 สตอลโลน ก็ได้ปิดฉากตำนานของ ร็อคกี้ ด้วย Rocky Balboa ที่ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องรายรับและวิจารณ์
ในปี 2008 สตอลโลน ก็ได้เขียนบท กำกับ และแสดงนำใน Rambo ซึ่งถือเป็นภาคที่ 4 ของอีกหนึ่งตัวละครอมตะในโลกภาพยนตร์อย่าง แรมโบ้ ตั้งแต่ภาคแรกปี 1982 ที่ชื่อ Rambo: First Blood ในขณะที่ปี 2010 เขาก็ได้สร้าง The Expendables ที่เขาทั้งกำกับ เขียนบท และแสดงนำ โดยรวมเอาแอ็คชั่นสตาร์ทั่วฮอลลิวู้ดมาแสดง ไม่ว่าจะเป็น เจสัน สเตทแธม, เจ็ท ลี, ดอล์ฟ ลันด์เกรน, แรนดี้ โคตูร์, เทอร์รี่ ครูว์ส, บรูซ วิลลิส และ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ หนังทำรายได้ทั่วโกลไปกว่า 274 ล้านเหรียญ และทำให้เขากลายเป็นนักแสดงคนแรก ที่มีหนังเปิดตัวอันดับหนึ่งครบ 5 ทศวรรษในวงการภาพยนตร์
ผลงานเรื่องอื่นๆของเขาก็ยังมี Demolition Man ที่กลายเป็นหนังฮิตประจำปี 1993, The Specialist ที่ร่วมแสดงกับ ชารอน สโตน, Assassins ที่ร่วมแสดงกับ แอนโตนิโอ แบนเดอรัส, Judge Dredd ที่สร้างจากการ์ตูนชื่อดัง, Daylight หนังหายนะในอุโมงค์ใต้ทะเล โดยในปี 2013 สตอลโลน ก็ยังมีผลงานแอ็คชั่นเรื่องล่าสุดอย่าง Bullet to the Head ผลงานของผู้กำกับ วอลเตอร์ ฮิล รวมถึง The Tomb หนังแอ็คชั่น-ผจญภัย ที่เขาแสดงร่วมกับอีกหนึ่งตำนานอย่าง อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์
อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (รับบทเป็น เทรนช์)
เขาเป็นที่รู้จักของคนทั้งโลก จากความสำเร็จในชีวิตหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นแชมป์โลกเพาะกายตลอดกาล แอ็คชั่นสตาร์ในฮอลลิวู้ด นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ด้วยถึงผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียคนที่ 38
อาร์โนลด์ เริ่มเข้าร่วมแข่งขันเพาะกายและยกน้ำหนักในระดับนานาชาติตั้งแต่เด็ก เขาได้ตำแหน่ง มิสเตอร์ยุโรป และตำแหน่ง ชายรูปร่างดีที่สุดในยุโรป ไปครอง และเมื่ออายุ 20 ปี เขาก็ได้ครองตำแหน่ง มิสเตอร์ยูนิเวิร์ส และกลายเป็นสัญลักษณ์ของวงการเพาะกาย ด้วยการคว้าตำแหน่ง มิสเตอร์ยูนิเวิร์ส อีกถึง 4 สมัย และได้ตำแหน่ง มิสเตอร์โอลิมเปีย อีก 6 ครั้งติดต่อกัน
เขาเข้าวงการแสดงกับผลงานเรื่องแรกอย่าง Hercules in New York จากนั้นก็มีงานแสดงที่สร้างชื่อใน Conan the Barbarian ที่เขารับบท โคแนน ที่ประสบความสำเร็จในด้านรายได้ และทำให้เขาได้รับบทที่ทุกคนจดจำเขาได้อย่างหุ่นยนต์นักฆ่าในเรื่อง The Terminator ของ เจมส์ คาเมรอน ด้วย อาร์โนลด์ ดูจะเกิดมาเป็นดาราหนังแอ็คชั่นอย่างแท้จริง เพราะหนังที่เขาแสดงนำ เช่น Commando, Predator และ Total Recall ล้วนแต่ทำเงินมหาศาลทั้งสิ้น
เขากลับไปแสดงหนังภาคต่ออย่าง Terminator 2 ที่กวาดรายได้ถึงกว่า 200 ล้านเหรียญเฉพาะในอเมริกา ซึ่งหนังก็ได้รับการจัดเข้าทำเนียบภาพยนตร์ 30 เรื่องที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล เขายังมีผลงานแอ็คชั่นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง The Last Action Hero, The Sixth Day, Collateral Damage รวมถึง Terminator 3: Rise of the Machines ก่อนที่เขาจะหยุดงานแสดงไปเกือบทศวรรษ เพื่อรับตำแหน่งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนที่ในปีนี้เอง เขาก็ตัดสินใจกลับมาในโลกของการแสดงอีกครั้ง
บรูซ วิลลิส (รับบทเป็น มิสเตอร์ เชิร์ช)
บรูซ วิลลิส ได้แสดงให้เห็นความสามารถที่รอบด้าน เขารับบทมาแล้วสารพัดไม่ว่าจะเป็นบทที่สร้างชื่อให้กับเชาอย่าง นักสืบจอห์น แมคแคลน จาก Die Hard ทั้ง 4 ภาค บทนักมวยใน Pulp Fiction ของ เควนติน ทาแรนติโน่ หนุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างใน Nobody’s Fool ของ โรเบิร์ต เบนตัน เรื่อง หรือนักท่องกาลเวลาใน Twelve Monkeys ของ เทอรี่ กิลเลี่ยม รวมถึงจิตแพทย์ในหนังที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ของ เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน เรื่อง The Sixth Sense ซึ่งทำให้ วิลลิส ได้รับรางวัลพีเพิ่ลชอยส์ อะวอร์ด
วิลลิส สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอนท์แคลร์ สเตท เอกการละคร โดยหนุ่มผู้มาจากเมืองนิวเจอร์ซีย์คนนี้มีผลงานละครเวทีและโฆษณาโทรทัศน์ ก่อนจะได้รับบทนำในละครเวทีเรื่อง Fool for Love ของ แซม เชพเพิร์ด ในปี 1984 ซึ่งเป็นละครนอกบรอดเวย์ที่เคยเปิดการแสดงถึง 100 รอบ
เขาประสบความสำเร็จและคว้ารางวัลมามากมาย ตั้งแต่รางวัลเอมมี่จนถึงรางวัลลูกโลกทองคำ สำหรับการแสดงนำในบทนักสืบเอกชน เดวิด แอ๊ดดิสัน ในละครซีรี่ย์สุดฮิตเรื่อง Moonlighting โดยผลงานจอเงินเรื่องแรกเขาก็ได้ประกบคู่กับ คิม บาซิงเจอร์ ในหนังรักโรแมนติกคอเมดี้ของ เบลค เอ็ดเวิร์ด เรื่อง Blind Date ก่อนที่ในปี 1988 เขาจะมารับบท จอห์น แมคเคลน ในหนังบล็อคบัสเตอร์เรื่อง Die Hard และก็รับบทเดิมในภาคต่อของเรื่องนี้ถึง 4 ภาค นั้นคือ Die Hard 2: Die Harder, Die Hard with A Vengeance และภาคล่าสุดคือ Die Hard 4
จากการที่ วิลลิส ทำงานในวงการมากว่า 3 ทศวรรษ ทำให้เขาได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังหลายคน เช่น ไมเคิล เบย์ ใน Armageddon, เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน ใน The Sixth Sense และ Unbreakable, อลัน รูดอล์ฟ ใน Mortal Thoughts, Breakfast of Champions, วอลเตอร์ ฮิล ใน Last Man Standing, โรเบิร์ต เบนตัน ใน Billy Bathgate, Nobody’s Fool, ร็อบ ไรเนอร์ ใน The Story of Us, เอ็ด ซวิค ใน The Siege, ลุค เบสสัน ใน The Fifth Element, แบร์รี่ เลวินสัน ใน Bandits, โรเบิร์ต เซเมกคิส ใน Death Becomes Her และ อังตวน ฟูกัว ใน Tears of the Sun
เจสัน สเตทแฮม (รับบทเป็น ลี คริสต์มาส)
ในอดีต เจสัน สเตทแธม คือหนึ่งในนักกระโดดน้ำที่เก่งที่สุดของทีมนักกีฬาอังกฤษ เคยได้ที่ 3 ในการแข่งขันโอลิมปิค และได้ตำแหน่งมือวางอันดับที่ 12 ของโลก โดยขณะทำการฝึกซ้อมอยู่ที่ศูนย์กีฬาในลอนดอน ทีมงานภาพยนตร์ก็เกลี้ยกล่อมให้เขาหันมาทำงานถ่ายโฆษณา และทำให้เขาได้พบกับเจ้าของบริษัท เฟรนช์ คอนเน็คชั่น ผู้ซึ่งตอนนั้นกำลังทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหารให้กับเรื่อง Lock, Stock and Two Smoking Barrels ซึ่งกำลังเตรียมงานสร้างกันอยู่ สเตทแธม ได้พบกับผู้กำกับ กาย ริตชี่ ที่ตัดสินใจมอบบทนำในภาพยนตร์เรื่องนั้นให้กับเขา
สเตทแธม ได้กลับมาทำงานกับ ริตชี่ อีกรอบในภาพยนตร์เรื่องต่อมา Snatch ซึ่งเขาร่วมแสดงกับ แบร็ด พิตต์ และ เบนิซิโอ เดล โทโร่ ผลงานเรื่องถัดมาของสเตทแธม ได้แก่ Turn It Up ที่เขาร่วมแสดงกับศิลปินเพลง จา รูล ติดตามมาด้วยบทนำในภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง Ghosts of Mars และได้ประกบบทกับ เจ็ท ลี ในภาพยนตร์เรื่อง The One
ในปี 2002 ลุค เบสซง ก็ได้เลือก สเตทแธม ให้รับบทนำเป็น แฟรงก์ มาร์ติน ในภาพยนตร์เรื่อง The Transporter เขายังรับบทเป็น แฮนซั่ม ร็อบ ในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ประจำซัมเมอร์ ปี 2003 เรื่อง The Italian Job และยังรับบทนำในภาพยนตร์แอ็กชั่นที่สร้างความระห่ำตลอดเวลาเรื่อง Crank สเตทแธม ยังกลับมารับบท แฟรงก์ มาร์ติน อีกครั้งในภาพยนตร์ภาคต่อ Transporter 2 และได้กลับไปแสดงนำร่วมกับ เจ็ท ลี ในภาพยนตร์เรื่อง War
เมื่อเร็วๆ นี้ เขาฝากบทบาทการแสดงเอาไว้ในภาพยนตร์ของ โรเจอร์ โดนัลด์สัน เรื่อง The Bank Job ซึ่งเปิดตัวฉายโดยทำรายได้ในอันดับ 1 ในอเมริกาและสหราชอาณาจักร ผลงานเรื่องอื่นๆของ สเตทแธม ก็คือการรับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Transporter 3 ซึ่งเปิดตัวในอันดับหนึ่งอีกครั้ง, Crank 2: High Voltage ที่เขากลับไปรับบทเดิม รวมถึง The Expendables หนังแอ็คชั่นรวมดาวที่เขารับบทเป็นเพื่อนสนิทของ บาร์นี่ย์ รอส ที่รับบทโดย ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน
เจ็ท ลี (รับบทเป็น หยินหยาง)
เจ็ท ลี เป็นยอดฝีมือด้านศิลปะการต่อสู้ แชมป์เปี้ยนวูซู ผู้อำนวยการสร้าง และแอ็คชั่นสตาร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เขาเกิดในเมืองปักกิ่ง เริ่มเรียนวูซูตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และหลังจากการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงตลอดระยะเวลาสามปี จนในที่สุดก็ทำให้เขาได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันวูซูแห่งชาติ
หลังจากตัดสินใจวางมือจากการแข่งขันวูซูตอนอายุ 17 เขาก็ก้าวเข้าสู่โลกของภาพยนตร์ในเรื่อง Shaolin Temple (1982) ซึ่งเป็นหนังที่ทำให้เขาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในฐานะดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการ และเขาแสดงในหนังกำลังภายในมหากาพย์ ภายใต้การกำกับของ ฉีเคอะ เรื่อง Once Upon a Time in China ที่เขารับบทเป็น หวงเฟยหง วีรบุรุษของชาวจีน ซึ่งเขาก็รับบทนี้ 3 ภาค
เจ็ท ลี ก้าวเข้าสู่ฮอลลิวู้ดด้วยการรับบทเป็นตัวร้ายในเรื่อง Lethal Weapon 4 (1998) ประกบกับ เมล กิ๊บสัน และได้รับบทนำในหนังฮอลลิวู้ดครั้งแรกเรื่อง Romeo Must Die (2000) และยังได้แสดงคู่กับ เฉินหลง เป็นครั้งแรกในหนังฮอลลิวู้ดเรื่อง The Forbidden Kingdom (2008) เจ็ท ลี ยังมีผลงานในบ้านเกิดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Hero ของผู้กำกับ จางอี้โหมว รวมถึง The Warlords (2007) ของ ปีเตอร์ ชาน ที่แสดงร่วมกับ หลิวเต๋อหัว และ ทาเคชิ คาเนชิโร่
ผลงานเรื่องล่าสุดของ เจ็ท ลี ก็คือ The Sorcerer and the White Snake ภาพยนตร์แอ็คชั่น-แฟนตาซีของผู้กำกับ เฉินเสี่ยวตง ที่เขาร่วมแสดงนำกับ หวงเซิ่งอี้ และ ชาร์ลีน ชอย รวมถึงหนังแอ็คชั่นรวมดาว The Expendables (2010) ที่เขาแสดงร่วมกับ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน และ เจสัน สเต็ทแฮม
เลียม เฮมส์เวิร์ธ (รับบทเป็น บิลลี่ เดอะ คิด)
ดาวดวงใหม่แห่งวงการภาพยนตร์ หนุ่มหน้าใสจากแดนจิงโจ้ เลียม เฮมสเวิร์ธ เกิดเมื่อ 13 มกราคม 1990 หลังจากแสดงซีรี่ส์และภาพยนตร์ในประเทศบ้านเกิดจนกลายเป็นดาวรุ่งมาแรงแล้ว เขาก็ได้จับมือกับพี่ชายข้ามน้ำข้ามทะเลมาโด่งดังในแดนฮอลลีวู้ด ซึ่งฝั่งพี่ชาย คริส เฮมสเวิร์ธ ตอนนี้ดังเปรี้ยงกับบทเทพเจ้าสายฟ้าธอร์ (Thor)
เลียม ประเดิมผลงานในฮอลลีวู้ดด้วยการเล่นภาพยนตร์รักโรแมนติกหวานซึ้ง The Last Song (เดอะ ลาสต์ ซอง) ประกบกับหวานใจ ไมลีย์ ไซรัส ที่พบรักกันกลางกอง จนปัจจุบันทั้งคู่กลายเป็นคู่รักวัยรุ่นที่ได้รับการจับตามองที่สุดคู่หนึ่งของวงการ หลังจากประกาศหมั้นไปเมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้
ในปีนี้เลียม เพิ่มระดับความดังในฮอลลีวู้ดด้วยการได้รับบท เกล ใน The Hunger Games เกมล่าเกม ภาพยนตร์วัยรุ่นที่ได้รับการคาดหมายว่าจะมาแทนที่ในใจกลุ่มวัยุร่นแวมไพร์ทไวไลท์ ที่กำลังจะจบลงในปีนี้
ซึ่งนอกจากผลงานในเดอะ ฮังเกอร์ เกมส์ แล้ว เลียมยังได้โชว์ฝีมือการแสดงหนังแอคชั่นฟอร์มยักษ์เป็นครั้งแรกใน The Expendables 2 โคตรคน ทีมเอ็กซ์เพนเดเบิล 2 ประกบคู่กับดาวดังขาบู๊รุ่นเก๋าที่ขนกันมาแบบเต็มทีม ทั้ง ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน, อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนเกอร์, ฌอง-คล็อด แวน แดมม์ และ บรูซ วิลลิส ซึ่งทำให้เขาเป็นว่าที่แอคชั่นสตาร์รุ่นต่อไป
ฌอง-คล็อด แวน แดมม์ (รับบทเป็น ฌอง วิเลน)
ผลงาน >>> Universal Soldier, Timecop, Hard Target
ชัค นอร์ริส (รับบทเป็น บูเกอร์)
ผลงาน >>> The Delta Force, Missing in Action, Enter the Dragon
ดอล์ฟ รันด์เกรน (รับบทเป็น กุนนาร์ เจนเซ่น)
ผลงาน >>> The Expendables, Rockly III, Universal Soldier
เทอร์รี่ ครูว์ส (รับบทเป็น เฮล ซีซาร์)
ผลงาน >>> The Expendables, The 6th Day, White Chick, The Longest Yard
แรนดี้ โคตูร์ (รับบทเป็น โทล โร้ด)
ผลงาน >>> The Expendables, Red Belt, The Scorpion King: The Akkadian
ทีมผู้สร้าง
ไซม่อน เวส (ผู้กำกับ)
ผลงาน >>> Con Air, Lara Croft: Tomb Rider, The Mechanic
อาวิ เลอร์เนอร์ (ผู้อำนวยการสร้าง)
ผลงาน >>> The Expendables, Rambo, The Mechanic
เชลลี่ จอห์นสัน (ผู้กำกับภาพ)
ผลงาน >>> Captain America: First Avenger, Jurassic Park III, Hidalgo
ท็อดด์ มิลเลอร์ (ผู้ตัดต่อภาพ)
ผลงาน >>> Armageddon, Transformers, The Mechanic, Joy Ride
แช็ด สตาเฮลสกี้ (ผู้ออกแบบฉากแอ็คชั่น)
ผลงาน >>> The Expendables, The Matrix, The Hunger Games