กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--ไนท์แฟรงค์
ราคาทรัพย์สินระดับไพรม์ตามเมืองสำคัญทั่วโลกเติบโตแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553
สภาวะตลาดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2555
- ดัชนีไต่ระดับสูงขึ้น 1.4% ในไตรมาสที่ 2 ของปี2555 นับเป็นการเติบโตรายไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี ค.ศ. 2010
- ราคาทรัพย์สินระดับไพรม์ใน 27 เมืองที่มีการเฝ้าสังเกตเพิ่มสูงขึ้น 3.5% ในช่วงเวลา 12 เดือนจนถึงเดือนมิถุนายน 2555
- เมืองในทวีปยุโรปมีราคาทรัพย์สินระดับไพรม์เฉลี่ยเติบโต 1.3% นับตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนมิถุนายนซึ่งดีกว่าอัตราถดถอย -3.4% จากเมื่อต้นปีถึงเดือนมีนาคม ค.ศ. 2012
- กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่ทรัพย์สินมีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุด (29%) ในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา
- ภาพรวมในอนาคตสำหรับตลาดระดับไพรม์ส่วนมากอยู่ในระดับทรงตัว อัตราเงินเฟ้อถูกควบคุมเนื่องจากมาตรการควบคุมเอเชียและวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป
Prime Global Cities Index คือดัชนีซึ่งติดตามราคาของตลาดบ้านกลุ่มเมนสตรีมเฉพาะ 5% บนสุดในเมืองระดับแนวหน้าของโลก ดัชนีนี้มีค่าต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซบเซามาโดยตลอด มีการเติบโตรายไตรมาสเฉลี่ยอยู่ที่ 0.8% ตลาดเอเชียต่างๆได้ช่วยพยุงดัชนีนี้ให้อยู่ในแดนบวกจนถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 เมื่อมีมาตรการชะลอโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อจำกัดในการมีบ้านหลังที่สองออกมาบ้างจนเป็นเหตุให้ดัชนีตกลง 0.4% ในไตรมาสแรกของปี 2555 แม้กระนั้นก็ดี เอเชียและยุโรปก็ยังคงเป็นกำลังขับเคลื่อนการฟื้นตัวของดัชนีในไตรมาสที่ 2 ราคาทรัพย์สินระดับไพรม์ในเอเชียสูงขึ้น 3.4% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนมิถุนายน ในขณะที่ตัวเลขเดียวกันในช่วงตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนมีนาคมอยู่ที่ -2.5% ราคาทรัพย์สินระดับไพรม์ในยุโรปก็ดีขึ้นเช่นกันโดยมีราคาสูงขึ้น 1.3% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นการเติบโตที่ดีจากอัตรา -3.4% ของในช่วงตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนมีนาคม การฟื้นตัวของเอเชียในไตรมาสที่ 2 นั้นได้รับอานิสงส์จากความแข็งแกร่งของตลาดใหม่อย่างเช่นจาการ์ต้าและกรุงเทพมหานครมากกว่าเมืองใหญ่ที่มีความสำคัญแต่เดิมอย่างเช่นสิงคโปร์และฮ่องกง
ราคาทรัพย์สินระดับไพรม์ในยุโรปก็มีการเติบโตด้วยเช่นกันแม้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปจะทวีความรุนแรงขึ้นหรืออาจเป็นเพราะว่าวิกฤตเศรษฐกิจนี้เองที่เป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการเติบโตดังกล่าว จากสภาวการณ์ในขณะนี้ที่ดูเหมือนว่าจะต้องมีการตั้งกองทุนช่วยเหลือเพิ่มเติมก็ดูเหมือนว่าผู้ซื้อทรัพย์สินระดับไพรม์และนักลงทุนจะแบ่งเมืองในทวีปยุโรปเป็นระดับชั้นต่างๆกัน ผู้ซื้อและนักลงทุนไม่ได้มุ่งเน้นไปที่เมืองที่มีอุปสงค์ระดับนานาชาติสูงและคุณภาพชีวิตดีเท่านั้นแล้วแต่เริ่มมองหาทรัพย์สินระดับไพรม์ในเมืองที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ของสหภาพยุโรปน้อยที่สุดด้วย อาทิ ลอนดอน เจนีวาและซูริคซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในครึ่งบนของตารางราคาในไตรมาสที่ 2 โดยแต่ละเมืองดังกล่าวมีการเติบโตในด้านราคาต่อปี 10.5%, 6.0% และ 5.9% ตามลำดับ
เจมส์ ไพรซ์จากทีมพัฒนาตลาดที่พักอาศัยระดับนานาชาติของไนท์แฟรงค์กล่าวถึงราคาที่ถีบตัวสูงขึ้นของทรัพย์สินในเมืองที่มีความมั่นคงของยุโรปและสหรัฐอเมริกาว่าเป็นสัญญาณบอกว่าผู้ซื้อและนักลงทุนจากทั่วโลกยังคงอยู่ในอารมณ์ที่ต้องการโผเข้าหาความปลอดภัย “เมืองในประเทศที่มีเศรษฐกิจมั่นคงดูดีมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีความเปราะบางมากกว่า แต่เราไม่ควรใช้ข้อมูลในระดับเมืองไปสะท้อนเป็นภาพของประเทศทั้งประเทศอยู่ดี ทำเลสำหรับบ้านหลังที่สองระดับไพรม์นอกเมืองใหญ่อาจจะยังมีราคาดีก็ได้ในขณะที่ตลาดโดยรวมไม่ดีนัก”
ทั้งนี้แม้ว่าตลาดในช่วงไตรมาสที่ 2 จะออกมาดีแต่ภาพรวมของตลาดระดับไพรม์ของโลกก็ยังคงทรงตัว เราคงจะยังไม่เห็นการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีนัยสำคัญเนื่องจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆในเศรษฐกิจโลก ความอ่อนไหวของเศรษฐกิจยุโรปประกอบกับมาตรการควบคุมในเอเชีย (ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อในประเทศสามารถซื้อหาสินทรัพย์ได้ในราคาที่ต่ำลง) น่าจะเป็นปัจจัยกดการเติบโตของราคาทั้งในตลาดเมนสตรีมและตลาดไพรม์ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2555 นี้