กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--แมงป่อง
แมงป่องปรับโครงสร้างรวมธุรกิจลิขสิทธิ์หนัง-เพลง และหนังไทยเข้าเป็นกลุ่มเดียวกัน พร้อมเตรียมปรับโฉมร้านค้าในบางทำเลเป็น "เมกะสโตร์" ศูนย์รวมสินค้าโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ อย่างครบวงจร ตั้งเป้าขยายสาขาครบ 250 แห่ง ในปีนี้ คาดรายได้เข้าเป้า 1,800 ล้าน
นางกิตติ์ยาใจ ตรีเอกวิจิตร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมงป่อง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ขณะนี้บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยรวมทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งธุรกิจด้านลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ในรูปแบบวีซีดี - ดีวีดี, ภาพยนตร์ไทย และเพลงเข้าด้วยกัน โดยดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์แมงป่องเพียงแบรนด์เดียว เนื่องจากเห็นว่าแบรนด์แมงป่องเป็นแบรนด์ที่แข็งแรง เป็นที่รับรู้ของกลุ่มผู้บริโภคและเป็นแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อถือจากกลุ่มผู้บริโภคค่อนข้างสูง ซึ่งที่ผ่านมาการลงทุนผลิตภาพยนตร์ไทยในนาม นครไทย พิคเจอร์ ไม่ค่อยเป็นที่รับรู้ของคนมากนัก ส่วนกลุ่มธุรกิจเพลงนั้นบริษัทก็ได้ชะลอโครงการผลิตเพลงในแนวอินดี้และป๊อบแต่หันมาให้น้ำหนักกับการทำเพลงในแนวลูกทุ่งมากขึ้น เนื่องจากเป็นเซ็กเม้นต์ที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จมาก ขณะที่กลุ่มธุรกิจของภาพยนตร์ในรูปแบบวีซีดี (โฮมมูฟวี่) บริษัทได้ลดลงเหลือ 3-4 เรื่อง/ปี เพราะเราพยายามสร้างงานให้ออกมาดี และถูกใจคอหนังมากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีแผนการปรับปรุงเอาต์เลตแมงป่องในพื้นที่เป็นสาขาใหญ่ให้เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ เรียกว่า "เมกะสโตร์" เพื่อเป็นศูนย์รวมสินค้าโฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์อย่างครบวงจร โดยในช่วง เริ่มต้นได้วางไว้ 10 สาขา อาทิ เซ็นทรัลลาดพร้าว, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลบางนา, เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน, มาบุญครอง, ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เป็นต้น และมีแผนจะพัฒนารูปแบบของร้านแมงป่องที่กระจายอยู่ทั่วประเทศให้มีสีสันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยายได้ครบ 250 สาขาในปีนี้ และไม่เพียงแค่นี้เรายังพยายามสรรหาซอฟแวร์ต่างๆ ที่เป็นที่นิยมของผู้บริโภคเข้ามาจัดจำหน่ายให้ได้มากที่สุด ทั้งภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ เช่น ภาพยนตร์จากค่ายซีเอ็ม ฟิล์ม, ค่ายอาร์เอส, ภาพยนตร์เอเซียจากบริษัท โลโก้ฟิล์ม รวมถึงค่ายภาพยนตร์เล็กๆ ซึ่งปีนี้เราใช้เงินกับการซื้อลิขสิทธิ์หนังไปประมาณ 300-400 ล้านบาท ในปีหน้าแมงป่องจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดที่ถือลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไทย
นางกิตติ์ยาใจ กล่าวต่อว่า โดยภาพรวมของตลาดโฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์ในปีนี้ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคก็ยังใช้จ่ายกับสินค้าบันเทิงสูงอยู่ คาดว่าปีนี้บริษัทจะสามารถทำยอดขายรวมได้ตามเป้าที่วางไว้ 1,800 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30% จากมูลค่าตลาดรวมทั้งหมด 6,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเป็นจุดดึงดูดสำคัญจากนักลงทุน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณดี,คุณก้อย โทร.0-2872-9595 ต่อ 608 607--จบ--
--อินโฟเควสท์ (กภ)--