การแข่งขันฮูล่าฮูปชิ่งแชมป์ประเทศไทย

ข่าวทั่วไป Tuesday August 21, 2012 10:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--กระทรวงสาธารณสุข สธ. จัดแข่งขัน “เต้นฮูลาฮูป” ชิงแชมป์ระดับประเทศ หวังเป็นต้นแบบออกกำลังกายสลายพุง กระทรวงสาธารณสุข ใช้ฮูลาฮูป กระตุ้นคนไทยออกกำลังกายเพิ่มขึ้น เพื่อลดโรคอ้วน เบาหวาน ความดันสูง โรคหัวใจ ที่ทำให้เสียชีวิตปีละกว่า 1 แสนคน โดยจัดแข่งขันเต้นฮูลาฮูประดับประเทศ ชิงถ้วยรางวัลพร้อมเงินสดรวมกว่า 2 แสนบาท ในวันที่ 6 กันยายน 2555 ที่โรงยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต แพทย์ชี้ต้องเล่นให้ถูกวิธีจะช่วยให้รูปร่างดี น้ำหนักลด ห้ามใช้คอเหวี่ยงห่วงฮูลาฮูปเพราะจะทำให้บาดเจ็บได้ วันที่20 สิงหาคม 2555ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวว่า ในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้สนับสนุนให้ประชาชนออกกำลังกายโดยใช้การเต้นฮูลาฮูป ซึ่งกำลังอยู่ในกระแสสนใจของประชาชน เพื่อกระตุ้นให้คนไทยตื่นตัวหันมาออกกำลังกายให้มากขึ้น สม่ำเสมอ จนติดเป็นนิสัย เล่นง่าย เล่นได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดจัดการแข่งขันเต้นฮูลาฮูป ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2555 เป็นต้นมา ซึ่งมีทั้งประชาชนทั่วไป เจ้าหน้าที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันจำนวนมาก และได้คัดเลือกเป็นตัวแทนของจังหวัดเข้าแข่งขันชิงชนะเลิศในระดับภาคในวันที่ 23 สิงหาคม — 3 กันยายน 2555 และชิงชนะเลิศระดับประเทศ ในวันที่ 6 กันยายน 2555 นี้ ที่โรงยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป ทั้งนี้ ผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อในประเทศไทยของกระทรวงสาธารณสุข ในปี 2553 เปรียบเทียบกับปี 2550 พบว่าประชาชนอายุ 15-74 ปี ขึ้นไปที่มี 47.8 ล้านคน อ้วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 19 เป็นร้อยละ 21 เนื่องจากออกกำลังกายลดลงจากร้อยละ 38 เหลือร้อยละ 35 กินผักผลไม้ลดลงจากร้อยละ 23 เหลือร้อยละ 22 ซึ่ง 2 พฤติกรรมนี้ เป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด อัมพฤกษ์อัมพาต และมะเร็ง มีผู้เสียชีวิตปีละกว่า 1 แสนคน และคาดว่ามีคนป่วยรวม 18.25 ล้านคน ใช้ค่ารักษาพยาบาลประมาณ 335,359 ล้านบาทต่อปี รัฐบาลจึงมีนโยบายเร่งรัดการสร้างสุขภาพเพื่อลดอัตราป่วยและตายจากโรคดังกล่าว เน้นการรณรงค์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การออกกำลังกาย การกินอาหารลดหวานมันเค็ม เพิ่มการกินผักผลไม้ และลดละการสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ได้ตัวแทนระดับจังหวัดแล้ว 76 ทีม จะเข้าชิงระดับภาคและระดับประเทศ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ1.ประเภทลีลา ทีมๆละไม่ต่ำกว่า 30 คน ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อยคือกลุ่มชนะ 5 อันดับแรกของแต่ละภาค จำนวน 20 ทีม และที่ตกรอบ 56 ทีม และ2.ประเภทมาราธอน ผู้เต้นได้นานที่สุด 2 ชั่วโมง โดยในวันตัดสินจะมีนิทรรศการและบูทสาธิตอาหารลดหวานมันเค็ม การออกกำลังกาย อารมณ์สุราและบุหรี่ และการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากสโมสรชิมิ กระแต และกระต่าย ประชาชนที่สนใจสามารถเข้าชมได้ฟรี สำหรับทีมที่ชนะเลิศประเภทลีลาในกลุ่ม 20 ทีมจะได้รับถ้วยและเงินรางวัล 40,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 2 ถ้วยและเงินรางวัล 30,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 3 ถ้วยและเงินรางวัล 20,000 บาท รางวัลชมเชย 2 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท ส่วนในกลุ่ม 56 จังหวัด ทีมชนะเลิศจะได้รับถ้วยและเงินรางวัล 30,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 2 ถ้วยและเงินรางวัล 20,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 3 ถ้วยและเงินรางวัล 15,000 บาท รางวัลชมเชย 2 รางวัล รางวัลละ 7,500 บาท และประเภทมาราธอน ผู้ชนะเลิศจะได้รับถ้วยและเงินรางวัล 40,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 2 ถ้วยและเงินรางวัล 30,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 3 ถ้วยและเงินรางวัล 20,000 บาท รางวัลชมเชย 2 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท /นายแพทย์โสภณกล่าวต่อ... นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที การเต้นฮูลาฮูปเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิค ช่วยบริหารกล้ามเนื้อช่วงเอวและสีข้างให้มีความยืดหยุ่น กระชับ และแข็งแรงขึ้น ทำให้รูปร่างดี ลดไขมันพอกที่เอวและหน้าท้อง การทรงตัวดี เมื่อเต้น 30 นาทีจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ 200 แคลอรี่เท่ากับการวิ่งเหยาะ น้ำหนักตัวจะลดลง หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงขึ้น ที่น่าห่วงคือขณะนี้ พบว่ามีบางกลุ่มทั้งเด็กและผู้ใหญ่ใช้คอเหวี่ยงห่วงฮูลาฮูปแทนเอว และใช้ห่วงหลายอัน ซึ่งเป็นวิธีที่อันตราย ไม่ควรทำ และไม่มีผลต่อการลดน้ำหนัก ในทางตรงข้ามน้ำหนักของห่วงอาจทำให้กระดูกคอและกล้ามเนื้อที่คอบาดเจ็บได้ การเล่นที่ถูกวิธีควรยืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณเอว หลัง แขน ขาก่อนและหลังเล่นทุกครั้ง และเริ่มในปริมาณน้อยๆเพื่อให้ร่างกายปรับตัวก่อน จากนั้นค่อยๆเพิ่มระยะเวลาให้นานขึ้นเป็นครั้งละประมาณ 30-60 นาที นอกจากนี้ประชาชนที่มีปัญหากระดูกพรุน หรือผู้ที่เป็นโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม ไม่ควรออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ ควรใช้วิธีอื่นๆ เช่น การเดิน ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำแทน ติดต่อ: http://www.facebook.com/pages/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82/344116869006611?ref=hl

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ