กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--โอเอซีส มีเดีย
นางจิราภร แซ่โง้ว เกษตรกรทำไร่อ้อย ชาวอำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในเกษตรกรที่เข้าร่วมใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทีพีไอแปลงทดลองพืชผลทางการเกษตร และเป็นเจ้าของไร่อ้อยอาม่าจู เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการปรับตัวเข้าสู่ชีวิตใหม่ในวิถีของเกษตรอินทรีย์ โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์และสารจากธรรมชาติในการทำการเกษตรและการกำจัดศัตรูพืช ทั้งนี้การทำการเกษตรในไร่อาม่าจู จะไม่ใช้สารเคมี เพราะมีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง มีสารเคมีปนเปื้อนพืชผลทางการเกษตร ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรผู้บริโภคไม่ยอมรับ และยังทำให้ต้นทุนการผลิตจากการใช้สารเคมีสูงมาก
“จากผลการทดลองใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทีพีไอในแปลงปลูกอ้อยพันธ์อ้อย สุพรรณ 80 ซึ่งปรากฏว่า ก่อนใช้ปุ๋ยทีพีไอได้ผลผลิตประมาณ 18 ตันต่อไร่เท่านั้น แต่พอมาใช้ปุ๋ยทีพีไอ ทำให้ได้ผลผลิตปรับเพิ่มสูงขึ้นถึง 25 ตันต่อไร่ โดยมีค่าความหวานได้ถึง 14 ซีซีเอส(ccs) ซึ่งที่ดินที่นี่เป็นที่ปลูกอ้อยมากว่า 30 ปี และใช้ปุ๋ยเคมีหรือสารเคมีมาตลอด ทำให้ผลผลิตที่ได้ลดลงเรื่อย ๆ แต่ต้องใส่ปุ๋ยเพิ่มขึ้นทุกปี แต่หลังจากใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทีพีไอ สภาพดินก็ดีขึ้นไม่แข็ง ต้นอ้อยก็สมบูรณ์ ข้อยืด อวบ แตกกอดี มีน้ำหนักมาก และไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีอีกด้วย”นางจิราภากล่าว
ด้านนายกล้าพันธุ์ เหงากุล ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญทางด้านเกษตรอินทรีย์ บริษัท ทีพีไอชีวะอินทรีย์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับสูตรการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทีพีไอในแปลงทดลองปลูกอ้อย ซึ่งได้ผลผลิตเพิ่มสูงขึ้นถึง 25 ตันต่อไร่นั้น จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทีพีไอ 15 ลิตรบวกกับปุ๋ยม่วง 10 ลิตร ต่อไร่ เทลาดลงบนดินก่อนปลูก หลังจากปลูก 2 เดือน ใช้ปุ๋ยม่วงผสม น้ำส้มควันไม้ อย่างละ 1 ลิตร ผสมน้ำ 400 ลิตรฉีดพ่นทางใบ ทุก 15 วัน 4 ครั้ง จะทำให้ผลผลิตของเกษตรกรเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอนและที่สำคัญการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทีพีไอจะทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรต่ำลงกว่าปุ๋ยเคมี จึงทำให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น