กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--กรีนพีซ
“รสนา” เสนอตั้ง “กระทรวงพลังงานหมุนเวียน” เดินหน้าพลังงานสะอาด ตัดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจปิโตรเลียม เหตุโครงสร้างเดิมทุนปิโตรเลียมไม่ยอมให้พลังงานหมุนเวียนเกิดแน่
กรีนพีซ เดินหน้ารณรงค์ทั่วประเทศต่อเนือง ย้ำ กฎหมายพลังงานหมุนเวียนส่งเสริมศก.สีเขียวยั่งยืนและเป็นธรรม
นางสาวรสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา กทม.ซึ่งติดตามตรวจสอบนโยบายพลังงานของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า การยกร่างกฎหมายพลังงานหมุนเวียนถือว่าเป็นเรื่องที่มีความก้าวหน้าและประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากในการสร้างพลังงานสะอาดไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม อย่างไรก็ตามรูปธรรมในต่างประเทศที่มีผลักดันเรื่องพลังงานหมุนเวียนได้สำเร็จ เพราะมีการตั้งกระทรวงพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้การทำงานมีเอกภาพและมีเจ้าภาพที่แท้จริง เพื่อให้เกิดการแข่งขันระหว่างพลังงานปิโตรเลียมและพลังงานหมุนเวียน ว่าประชาชนจะเลือกใช้อะไร ไม่ใช่ผูกขาดแบบที่ประเทศไทยเป็นอยู่ซึ่งไม่เป็นธรรมกับประชาชน อีกทั้งยังเป็นการป้องกันเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเพราะปัจจุบันปลัดกระทรวงพลังงานไปนั่งเป็นบอร์ดของบริษัทพลังงานปิโตรเลียมต่างๆดังนั้น หากปล่อยให้โครงสร้างยังเป็นแบบเดิมกระทรวงพลังงานซึ่งมีกลุ่มทุนปิโตรเลียมหนุนหลังจะไม่มีทางส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนแน่นอนเพราะจะทำให้ธุรกิจปิโตรเลียมที่มีมูลค่าเป็นล้านๆ บาทเสียประโยชน์
“หากเราต้องการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ ขอเสนอว่าต้องมีการรื้อโครงสร้างกระทรวงพลังงานใหม่โดยแบ่งเป็นกระทรวงพลังงานด้านปิโตรเลียม และกระทรวงพลังงานที่ดูแลเรื่องพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ไม่เช่นนั้นพลังงานปิโตรเลียมซึ่งมีขนาดใหญ่มากก็จะควบคุมทุกอย่างทำให้พลังงานหมุนเวียนไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้และพลังงานหมุนเวียนจะถูกบอนไซและอยู่ในสถานะผักชีโรยหน้าว่ามีการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนแล้ว ทั้งที่ความจริงแล้วธุรกิจปิโตรเลียมยังผูกขาดเหมือนเดิม” นางรสนา กล่าว
ขณะที่ นางสาวณัฐวิภา อิ้วสกุล ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า การรรนรงค์ที่ผ่านมาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น กรีนพีซจะยังคงเดินหน้ารณรงค์เรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยจะมีการเดินสายออกต่างจังหวัดเพื่อหาแรงสนับสนุน เพราะประเทศไทยต้องมีกฎหมายพลังงานหมุนเวียนที่เข้มแข็งเพื่อลดละเลิกการใช้พลังงานฟอสซิลที่สกปรกรวมถึงพลังงานนิวเคลียร์ที่มีความเสี่ยงและเป็นอันตราย และเพื่อสร้างรากฐานให้กับเศรษฐกิจสีเขียวที่ยั่งยืนและเป็นธรรม