กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--เอกรัฐวิศวกรรม
“เอกรัฐวิศวกรรม” ผู้ผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้า ปลื้มครึ่งปีรายได้เกือบพันล้านบาท โตเพิ่มจากช่วงเดียวกัน 36 % ตั้งเป้าทั้งปีถึงฝั่งฝัน 2.2 พันล้านบาท พุ่ง 20 % จากปีก่อน “ดนุชา” เอ็มดีใหม่ลูกหม้อเก่า แย้มเพิ่มสิ้นปีอาจมีแววเป้าหมายรายได้สูงกว่าที่คาด เพราะอีก 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ยังรับออร์เดอร์ไหว จากขณะนี้มียอดในมือแล้ว 1,000 ล้านบาท เหตุกำลังผลิตยังขยายเพิ่มได้จากปัจจุบันรองรับถึง 3 ล้าน KVA พร้อมกำลังพลพร้อมสู้ ย้ำความเป็น 1 ตลอด 26 ปีในธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า
นายดนุชา น้อยใจบุญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้า เปิดเผยว่า ผลประกอบการของการจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้ทั้งสิ้น 947 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36 % ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 60 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 328 % และตั้งเป้ารายได้ทั้งปีในขั้นต่ำที่วางไว้ 2,200 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นถึง 20 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ 1,800 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เปิดให้บริการมาถึง 31 ปี
ทั้งนี้เพราะเกิดจากปัจจัย 3 ประการ คือ 1.ยอดคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากตั้งแต่หลังน้ำท่วม 2. บริษัทฯสามารถประมูลรับงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวงได้มากกว่าปกติอยู่ที่ 590 ล้านบาท เทียบกับปีทีแล้วอยู่ที่ 360 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 70 % และ 3.ภาพรวมความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยปีนี้เพิ่มขึ้น เกือบ 10 % ซึ่งทำให้เกิดความต้องการหม้อแปลงเพิ่มขึ้น
“อย่างไรก็ตามบริษัทฯคาดการณ์ว่ารายได้ทั้งปีอาจจะมากกว่าที่วางเป้าหมายไว้ (โดยขณะนี้ประเมินตัวเลขเป้าหมายขั้นต่ำของรายได้ไว้ที่ 2.2 พันล้านบาท) เนื่องจากในช่วงอีก 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ยังสามารถประมูลและรับงานเข้ามาได้อีกมาก จากปัจจุบันที่มีมูลค่างานเข้ามาแล้วในขณะนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยจะทยอยส่งมอบได้ภายในสิ้นปีนี้ และมีสัดส่วนลูกค้าเป็นเอกชน 70 % ในสัดส่วนนี้เป็นการส่งออกอยู่ที่ 10 % และอีก 30 % เป็นลูกค้าราชการ”
นายดนุชา กล่าวว่า สำหรับแผนการผลิตนั้น บริษัทฯยังเดินเครื่องรองรับการผลิตได้ที่ 3 ล้านKVA ซึ่งกินส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 30% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 7,000 ล้านบาท และยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกหากมียอดคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่ม โดยมีบุคลากรที่สามารถทำงานได้ตามออร์เดอร์ที่เพิ่มเข้ามาอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเติบโตที่แข็งแกร่งของบริษัทที่ก้าวมากว่า 3 ทศวรรษ พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในธุรกิจนี้ในการเป็นอันดับ 1 มาตลอด 26 ปี ดังนั้นบริษัทฯได้เตรียมการและกำลังพลที่สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจเป็นอย่างดี