กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--กทม.
คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากกรณีเพลิงไหม้หลายแห่งในพื้นที่ กทม.เมื่อวันที่ 7 และ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น นับเป็นอุทธาหรณ์ให้กับอาคารที่กำลังจะดำเนินการก่อสร้างใหม่ให้มีการวางระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี การก่อสร้างและการต่อเติมถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคารเพื่อสะดวกในการเข้าไปช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน สำหรับการตรวจสอบความปลอดภัยของตัวอาคารนั้น ตนได้มอบหมายให้แต่ละสำนักงานเขตเร่งดำเนินการอยู่แล้ว หากพบอาคารที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยจะมีการพิจารณาในส่วนของความผิดและบทลงโทษเป็นเรื่องๆ ไป
ในส่วนอาคารที่เกิดไฟไหม้นั้น หลายฝ่ายมองว่า กทม.เข้าระงับเหตุช้าและเกิดความวุ่นวาย ซึ่งตนขอยืนยันว่า กทม. เข้าถึงพื้นที่อย่างรวดเร็วและทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่เนื่องจากอาคารดังกล่าวสร้างก่อน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2535 จึงไม่มีการกำหนดเกณฑ์ป้องกัน หรือการเว้นแนวความกว้างต่างๆ ของถนน อีกทั้งที่เกิดเหตุเป็นซอยเล็กๆ จึงทำให้รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ จึงขอฝากเตือนประชาชนด้วยว่าแม้ในช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนแต่ขอให้ประชาชนรวมทั้งเจ้าของอาคาร หมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า ภายในอาคารบ้านเรือนด้วย หากเกิดชำรุดก็ควรซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพใช้การได้ อย่างไรก็ตามตนได้เข้าหารือกับทางรัฐบาลเพื่อที่จะให้เพิ่มหน่วยดับเพลิงจากเดิมที่มีอยู่เพียง 35 หน่วยเป็น 78 หน่วย เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่และชุมชนแออัดของกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้จะให้เพิ่มรถดับเพลิงขนาดเล็กเพื่อง่ายต่อการเข้าไปปฏิบัติงานในซอยแคบๆ เป็นการบรรเทาเหตุการณ์ในเบื้องต้น ด้วย
ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อไปว่า สำหรับการตรวจสอบและควบคุมอาคารขณะนี้เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เนื่องจากส่วนใหญ่อาคารดังกล่าวสร้างก่อนที่ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2535 จะบังคับใช้ ทั้งนี้ หากร่างกฎหมายที่กำหนดให้มีนิติบุคคลได้รับมอบอำนาจให้ทำหน้าที่แทนหน่วยงานกทม.ในการตรวจสอบอาคารทุกประเภทโดยต้องมีเซ็นอนุมัติกำกับว่ามีการตรวจสอบถูกต้อง ได้รับความเห็นชอบ ก็จะทำให้สามารถเข้าไปควบคุมอาคารต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม กทม. ได้เสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ส่งให้ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาทำการพิจารณานานแล้ว คาดว่าจะผ่านในไม่ช้า และสามารถประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ต่อไปได้--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นห)--