ฟินันซ่า ออกกองทุนตราสารหนี้ roll over เน้นลงทุนต่อเนื่องทุก 6 เดือน ประมาณการผลตอบแทนรอบแรก 3.20% ต่อปี

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 28, 2012 10:20 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--บลจ.ฟินันซ่า นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด เผยจากสถานการณ์ที่ทิศทางดอกเบี้ยน่าจะปรับลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ดังนั้นการลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3 % ณ ปัจจุบัน จะเป็นการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนหรือถ้านักลงทุนยังไม่แน่ใจในทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย ยังสามารถลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อรอจังหวะในการลงทุน และใช้ในการปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนเมื่อมีโอกาสในอนาคต กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส โรล โอเวอร์ 6เดือน1 (FAM FIPR6M1) จะเปิดเสนอขายครั้งต่อไป ตั้งแต่ 28 สิงหาคม - 4 กันยายน 2555 นี้ ด้วยประมาณการผลตอบแทนที่ 3.20% ต่อปี โดยสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท นักลงทุน สามารถใช้ช่องทางการลงทุนใหม่ล่าสุดของบริษัทโดยซื้อกองทุนผ่านระบบอินเตอร์เนต skype ได้ที่ศูนย์บริการเคทีซี ทัช 14 สาขา สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02 352-4050 FAM FIPR 6M1 เป็น specific fund หรือกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน มีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน และ/หรือ เงินฝาก ของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) โดยในครั้งนี้เราจะลงทุนในเงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD หรือ CNY กับธนาคาร BOC, Macao หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ** เงินฝาก AED ธนาคาร Union National bank, UAE (P-1)* ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง(BBB+) ตั๋วเงิน บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB) หุ้นกู้ หรือ ตั๋วแลกเงิน/หรือตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB+ขึ้นไป***, ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เราจะเปิดให้มีการซื้อและขายคืนหน่วยลงทุน ทุก ๆ 6 เดือนโดยประมาณ นับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้นในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชนและ/หรือ เงินฝาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคาร ในระยะเวลานานประมาณ 6 เดือนสำหรับการลงทุนแต่ละรอบ กองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศซึ่งเราจะทำการการป้องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน สำหรับรอบการลงทุนของการสั่งซื้อหน่วยลงทุนครั้งที่ 1 อัตราผลตอบแทนโดยประมาณเท่ากับ 3.20 % ต่อปี ซึ่งคำนวณจากการลงทุน สำหรับรอบระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ตราสารที่ลงทุน ผลตอบแทนของตราสารในรูปสกุลเงินบาทโดยประมาณ (ต่อปี) สัดส่วนการลงทุนโดยประมาณ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในรูปสกุลเงินบาทโดยประมาณ (ต่อปี) ระยะเวลาการลงทุนโดยประมาณ เงินฝากธนาคารต่างประเทศ สกุลเงินUSD หรือ CNY กับธนาคาร BOC, Macao หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ** 3.55%* 24.00% 0.85% 6 เดือน เงินฝากAED ธนาคาร Union National bank,UAE (P-1)* 3.45% 20.00% 0.69% 6 เดือน ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง(BBB+) 3.60% 24.00% 0.86% 6 เดือน หุ้นกู้ หรือ ตั๋วแลกเงิน/หรือตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่BBB+ขึ้นไป*** 3.38% 31.50% 1.06% 6 เดือน ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 3.00% 0.50% 0.01% 6 เดือน ประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุน (ต่อปี) (0.27%) อัตรารับซื้อคืนโดยประมาณ (ต่อปี) 3.20% หมายเหตุ: - * ตราสารหนี้ Banco Bradesco, Brazil (P-2), Banco Itau BBA (P-2) โดยอัตราผลตอบแทนที่เสนอโดยผู้ออกตราสารและมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน USD หรือ CNY หรือ AED เป็นเงินบาทแล้ว(ข้อมูล ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2555) - ** เงินฝากธนาคารออมสิน หรือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ หุ้นกู้ ธนาคารเกียรตินาคิน, ธนาคารไอซีบีซี(ไทย), ธนาคารทิสโก้, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย, ธนาคารกรุงไทย, บริษัททุนธนชาต, ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2555 ) - ***ตั๋วแลกเงินหรือหุ้นกู้ เช่น หุ้นกู้ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา, บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+), บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+), บมจ.แสนสิริ (BBB+), บมจ.เอสซี เอสเซท (BBB+), บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (A), บมจ.เอเชียน พร็อพเพอร์ตี ดีเวลล็อปเมนต์ (A), บมจ. ศุภาลัย (A-), บมจ.ภัทรลีสซิ่ง (A-), บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (A-), บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (A-), บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ลิส (A+), บมจ.พฤกษา (A), Tesco(AA+) ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) - หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป หรือผลการประมูลของตราสารไม่เป็นไปตามที่กำหนด ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ประมาณการไว้ - ทั้งนี้ ตราสารที่ลงทุน สัดส่วนการลงทุน และประมาณการค่าใช้จ่าย อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ หากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป หรือตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร - กองทุนจะถือทรัพย์สินที่ลงทุนตลอดรอบการลงทุนแต่ละรอบ 6 เดือนโดยประมาณ - หากผู้ถือหน่วยไม่ส่งคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุนมาภายในวันและเวลาที่กำหนดในการเปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุน บริษัทจัดการจะถือว่าผู้ถือหน่วยลงทุนประสงค์ที่จะลงทุนต่อไปในรอบการลงทุนถัดไป - บริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงตราสารที่ลงทุน สัดส่วนการลงทุนและประมาณการค่าใช้จ่าย สำหรับการลงทุนในแต่ละรอบทุก 6 เดือนโดยประมาณ โดยไม่ถือเป็นการแก้ไขโครงการ โดยจะแจ้งรายละเอียดการลงทุนดังกล่าว ในหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปและหรือเว็บไซด์ของบริษัทจัดการ ให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้า - การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน - การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน ผู้ลงทุนควรลงทุนในกองทุนเมื่อเห็นว่าการลงทุนในกองทุนนี้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตนและผู้ลงทุนยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนได้ - ในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติ ผู้ลงทุนอาจได้รับชำระเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน - ในกรณีที่กองทุนนี้ไม่สามารถดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องได้ ผู้ลงทุนอาจไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามที่มีคำสั่งไว้ - เนื่องจากกองทุนนี้ลงทุนในต่างประเทศบางส่วน จึงมีความเสี่ยงที่ทางการของต่างประเทศอาจออกมาตรการในภาวะที่เกิดวิกฤตการณ์ไม่ปกติ ทำให้กองทุนไม่สามารถนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับคืนเงินตามระยะเวลาที่กำหนด - กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาถึงปัจจัยต่างๆ ที่อาจมีผลกระทบอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน - กองทุนจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน (Fully Hedged) - ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนให้เข้าใจและควรเก็บหนังสือชี้ชวนไว้เป็นข้อมูลเพื่อใช้อ้างอิงในอนาคต และเมื่อมีข้อสงสัย ให้สอบถามผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนให้เข้าใจก่อนซื้อหน่วยลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ