กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--กสทช.
สำนักงาน กสทช. หารือแนวทางการดำเนินการร่วมกันเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน สอดคล้องนโยบายรัฐบาลและ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553
น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กระทรวงไอซีที) กล่าวในโอกาสเข้าร่วมประชุมหารือถึงแนวทางการดำเนินการร่วมกัน ระหว่างกระทรวงกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ณ อาคารหอประชุมชั้น 2 สำนักงาน กสทช. ว่า วันนี้กระทรวงไอซีที กับ กสทช. ได้มาประชุมกันเพื่อหาแนวทางในการดำเนินการร่วมกันตามนโยบายรัฐบาลและ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553
พล.อ.อ. ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. กล่าวว่า การหารือในวันนี้ทางกระทรวง ไอซีทีมีประเด็นนำมาหารืออยู่หลายประเด็น ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบด้านการสื่อสารผ่านดาวเทียมระหว่างกระทรวงกับสำนักงาน กสทช. ข้อหารือได้พูดถึง เรื่องของการเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในการเข้าร่วมประชุม/เจรจากับรัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศในภารกิจด้านสื่อสารผ่านดาวเทียม การบริหารและกำกับดูแลรวมถึงการอนุญาตในกิจการดาวเทียม และการให้บริการวงจรดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ การจองตำแหน่งวงโคจรดาวเทียม การกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขการแข่งขันการให้บริการใช้วงจรดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศและระหว่างประเทศ การจัดสรรตำแหน่งวงโคจรที่ได้รับมาให้กับเอกชนรายใหม่ และการรักษาวงโคจรดาวเทียมจะมีแนวทางดำเนินการรักษาสิทธิอย่างไร
สำหรับเรื่องสัญญาสัมปทานของบมจ. ทีโอที และบมจ. กสท ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงไอซีทีกับภาคเอกชนที่จะเริ่มสิ้นสุดลงตั้งแต่ปี 2556 นั้น โครงข่ายเหล่านี้มีผู้ใช้บริการอยู่กว่า 70 ล้านเลขหมาย เพื่อมิให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้ใช้บริการ น่าจะมีการหารือกันในประเด็นการจัดสรรคลื่นความถี่เพื่อใช้ในกิจการโทรคมนาคมภายใต้หน่วยงานในสังกัดกระทรวง นอกจากนั้น ยังมีประเด็นการเปลี่ยนผ่านการรับส่งวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์จากระบบอนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตัล ซึ่งก็จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางรองรับการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว โดยจะมีการศึกษา แนวทางการจัดทำนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบโทรทัศน์ ดิจิตัลสำหรับประเทศไทย ศึกษาผลกระทบในด้านต่างๆ และจัดทำแนวทางรองรับการเปลี่ยนผ่านฯ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี
ประธาน กสทช. กล่าวต่อว่า ในเรื่องของการพัฒนาสังคมผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอการทางสังคมด้วย ICT นั้น กสทช. ได้ประกาศใช้แผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (พ.ศ. 2555 — 2559) หรือแผน USO ส่วนกระทรวงไอซีทีก็ได้มีการกำหนดกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร และบริการสื่อสาธารณะสำหรับคนพิการ พ.ศ. 2554 ซึ่งเป็นภารกิจที่มีความสอดคล้องกันจึงได้นำมาหารือถึงแนวทางการดำเนินโครงการร่วมกันเพื่อสนับสนุนภารกิจข้างต้น
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการประสานงานด้านโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ระหว่างกระทรวงและสำนักงาน กสทช. การประสานงานและจัดสรรคลื่นความถี่ตามแนวชายแดน การบริการ Free Wi-Fi ในที่สาธารณะ การพัฒนาระบบโครงข่ายโทรคมนาคมหลักเพื่อใช้สำหรับหน่วยงานภาครัฐ การจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน การป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในการเผยแพร่สื่อที่ไม่เหมาะสมในระบบโทรคมนาคม การเข้าร่วมงาน ITU Telecom World 2012 การเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU Telecom World ร่วมถึงการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการดำเนินการร่วมกันตามนโยบายรัฐบาลและ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 ระหว่างกระทรวงไอซีทีกับสำนักงาน กสทช. ด้วย
พล.อ.อ. ธเรศ กล่าวต่อว่า ทุกประเด็นที่นำมาหารือในวันนี้เป็นประเด็นที่สำคัญ ซึ่ง กสทช. เอง ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมของประเทศ และกระทรวง ในฐานะหน่วยงานหลักที่กำหนดนโยบาย กำกับ ควบคุม หน่วยงานในสังกัด (บมจ. ทีโอที บมจ. กสท SIPA ฯลฯ) รวมทั้งดูแลด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศให้พัฒนาไปในทิศทางที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล จะพิจารณาโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ
น.อ. อนุดิษฐ์ กล่าวสรุปว่า ในวันนี้ที่ประชุมทั้งสองฝ่ายมีมติเห็นพ้องต้องกันว่า จะตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาพิจารณาในทุกหัวข้อที่ได้นำมาหารือกันในวันนี้ โดยมีประธานคณะกรรมการร่วม คือ ปลัดกระทรวงไอซีที และเลขาธิการ กสทช. ซึ่งจะเห็นผลภายใน 90 วัน สำหรับบางเรื่องอาจจะเห็นผลก่อน
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
กลุ่มงานสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.)
โทรศัพท์ : 0-2271-0151 ต่อ 315 - 317 โทรสาร : 0-2290-5241