กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปี 2547 ด้วยยอดขาย 12,057 ล้านบาท ยอดกำไรสุทธิ 431 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 22.4 เผยความสำเร็จจากการขยายสาขาและยอดขายเพิ่มอย่างต่อเนื่องของทุกสาขา รับกระแสผู้บริโภคตื่นตัวหันมาประหยัดมากขึ้น ส่งผลให้ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ครองใจผู้บริโภคในปัจจุบัน
มร.อีฟ เบรบ็อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2547 ว่า บริษัทฯ ยังคงรักษาการเติบโตไว้ได้อย่างน่าพอใจยิ่ง โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 12,057 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปี 2546 จำนวน 988 ล้านบาท หรือเติบโตในอัตราร้อยละ 8.9 และมีผลกำไรสุทธิจำนวน 431 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากไตรมาสเดียวกันในปี 2546 ในอัตราร้อยละ 22.4
เหตุผลหลักที่บริษัทฯ สามารถรักษาการเติบโตไว้ได้อย่างต่อเนื่องและมีผลกำไรที่น่าพอใจเช่นนี้ มาจากปัจจัยสนับสนุนสำคัญๆ ได้แก่ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดจากการขยายสาขาใหม่ๆ โดยเฉพาะสาขาที่เปิดไปในไตรมาสแรกคือ สาขาฉะเชิงเทรา อีกทั้งสาขาอื่นๆ ก็ยังสามารถทำยอดขายได้เป็นอย่างดี แม้ว่าในภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้ผู้บริโภคจะมีแนวโน้มที่จะชะลอการจับจ่ายลง แต่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านราคาสินค้าที่ประหยัดย่อมเยาก็ยังได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เนื่องจากผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อสินค้าคุณภาพในราคาประหยัดกันมากขึ้น
นอกจากนี้ การที่บริษัทฯ ทำกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลในเรื่องของการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมส่งเสริมการขาย “ช้อปแล้วคิก” ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งจับกระแสฟุตบอลยูโร 2004 ในช่วงเดือนมิถุนายน มาสร้างบรรยากาศการจับจ่ายซื้อของได้อย่างมีสีสันจนเป็นที่กล่าวถึงในวงกว้าง
ปัจจุบัน บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ มีสาขาทั้งสิ้น 37 สาขาทั่วประเทศ และมีกำหนดที่จะเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 3 สาขา ได้แก่ สาขาสำโรง สาขาปัตตานี และ สาขาสุรินทร์ ภายในสิ้นปี 2547 นี้--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--