เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ โชว์กำไรสุทธิไตรมาสสอง 117 ล้านบาท ครึ่งปีแรกกำไรสุทธิกว่า 200 ล้านบาท

ข่าวทั่วไป Friday August 13, 2004 14:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ โชว์กำไรสุทธิไตรมาสสอง 117 ล้านบาท ครึ่งปีแรกกำไรสุทธิกว่า 200 ล้านบาท ร่วมทุน 2 บริษัท สยามฟิวเจอร์ฯ และ แคลิฟอร์เนีย ผลตอบแทนย้อนกลับดันรายได้เพิ่ม
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ผู้นำธุรกิจด้านเมืองหนังและเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ กำไรดีไม่มีตก โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 กำไรสุทธิ 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ธุรกิจโรงภาพยนตร์โตต่อเนื่อง อัตราลูกค้าชมภาพยนตร์เพิ่มมากขึ้น, รายได้อื่นเพิ่มจาก 2 บริษัทที่เข้าไปร่วมทุนทั้งสยามฟิวเจอร์และแคลิฟอร์เนีย
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลกาดำเนินงานในไตรมาส 2 ของปี 2547 ว่า บริษัท ฯ มีรายได้รวม 662 ล้านบาท กำไรสุทธิ 117 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.20 บาท ) เพิ่มขึ้น 18 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 596 ล้านบาท กำไรสุทธิ 99.28 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.17 บาท)
สำหรับไตรมาส 2 ของปี 2547 บริษัท ฯ มีรายได้รวม 662 ล้านบาท เป็นสัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจโรงภาพยนตร์ 66 % คิดเป็นรายได้ 435 ล้านบาท ธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะ 10 % คิดเป็นรายได้ 66 ล้านบาท ธุรกิจให้บริการเช่าพื้นที่ 11 % คิดเป็นรายได้ 73 ล้านบาท ธุรกิจโฆษณาในโรงภาพยนตร์ 8 % คิดเป็น รายได้ 53.34 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 5 % คิดเป็นรายได้ 36 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของปีนี้ รายได้จากทุกธุรกิจปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้จากการลงทุนในบริษัทร่วม 2 แห่ง คือ บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แคลิฟอร์เนีย ฟิตเนส เซ็นเตอร์ส จำกัด หรือ California WOW
โดยบริษัทฯ ได้เข้าไปร่วมทุนกับพันธมิตรทั้ง 2 แห่ง ในไตรมาส 3 ของปี 2546 โดยเข้าไปซื้อหุ้นของบริษัทสยามฟิวเจอร์ จำนวน 25 % ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และ ร่วมทุนกับ บริษัท California WOW ด้วยการเข้าถือหุ้น 49 % ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
นายวิชา กล่าวว่า ในไตรมาส 2 ของปี 2547 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้น 10 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็นรายได้ 435 ล้านบาท โดยอัตราการเข้าชมภาพยนตร์เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจาก มีภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดระดับบล็อกบัสเตอร์เข้าฉายจำนวนมากในช่วงไตรมาสนี้ โดยมีภาพยนตร์เข้าฉายทั้งสิ้น 63 เรื่อง เป็นภาพยนตร์ต่างประเทศ 55 เรื่อง ภาพยนตร์ไทย 8 เรื่อง และมีภาพยนตร์ที่สามารถทำเงิน 5 อันดับแรก ได้แก่ Harry Porter III, The Day After Tomorrow, Troy, Van Helsing และ Hell Boy
“ในไตรมาส 2 นี้อัตราผู้เข้าชมภาพยนตร์เพิ่มสูงขึ้นมาก เนื่องจากมีหนังดังระดับบล็อกบัสเตอร์ ที่สามารถทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท เข้าฉาย อาทิ Harry Porter III, The Day After Tomorrow และหนังที่เป็นภาคต่อ Sherk 2, Kill Bill 2 ซึ่งแต่ละเรื่องเป็นหนังภาคต่อที่ต้องติดตาม อีกทั้งบริษัทได้จัดกิจกรรมการตลาดที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น เช่น กิจกรรม Major Summer Reward, กิจกรรม Cinema Experience”
นายวิชา ได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2547 ว่า บริษัท ฯมีรายได้รวม 1,265.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,180.50 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 224.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 195.33 ล้านบาท
นอกจากนี้ นายวิชา กล่าวถึงบริษัทที่ได้เข้าไปร่วมลงทุนว่า ทั้งบริษัทสยามฟิวเจอร์ฯ และบริษัท แคลิฟอร์เนียฯ ที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ได้เข้าไปร่วมลงทุนนั้น เป็นบริษัทที่มีศักยภาพที่จะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ โดย บริษัท สยามฟิวเจอร์ ฯ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของปีนี้ สามารถทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 2,134 % โดยมีกำไรสุทธิ 83 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.7 ล้านบาท ซึ่งบริษัทสยามฟิวเจอร์ฯ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยทำให้บริษัทฯ ลดต้นทุนในการขยายสาขา ทั้งนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ได้เปิดให้บริการสาขาที่ 16 ที่ “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขาฉะเชิงเทรา” ตั้งอยู่ที่บิ๊กซีฉะเชิงเทรา มีโรงภาพยนตร์ 5 โรง และโบว์ลิ่ง 12 เลน เป็นการขยายสาขาร่วมกับบริษัทสยามฟิวเจอร์ฯ
ในส่วนของบริษัทแคลิฟอร์เนียฯ ในไตรมาส 2 ของปี 2547 สามารถทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 260 % เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปี 2547 โดยในปีนี้มีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้น 2 แห่ง คือ ที่ สาขาตึกจัสมินซิตี้ สุขุมวิท 23 และที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขาปิ่นเกล้า ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ รวมทั้ง มีแผนที่จะนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 4 ด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้รับการพิจารณาอนุมัติจากบอร์ดบริหารให้ต่อยอดธุรกิจด้วยการเข้าซื้อหุ้นของ บริษัท นนทนันท์ เอ็นเตอร์ เทนเมนท์ จำกัด 80 % ด้วยเงินลงทุน 80 ล้านบาท ซึ่งบริษัท นนทนันท์ฯ เป็นบริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจนำเข้าภาพยนตร์อิสระ และจัดจำหน่ายให้กับโรงภาพยนตร์ รวมทั้งตลาดวีซีดี ดีวีดี ทั้งนี้ เพื่อทำธุรกิจ Film Distrition ซึ่งจะส่งผลให้การจัดโปรแกรมหนังมีสีสันมากขึ้นด้วย
ส่วนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ช่วงครึ่งปีหลังนั้น นายวิชา กล่าวว่ามีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากมีภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์หลายเรื่องเข้าที่จะเข้าฉายและคาดว่าจะได้รับความสนใจของผู้ชม ที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่เข้าฉายและทำรายได้ค่อนข้างดี เช่น Spider Man 2, I-Robot, Cat Woman, Riddick, King Arthur
ส่วนภาพยนตร์ไทย ได้แก่ หมอเจ็บ, เกิดมาลุย นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์ที่น่าสนใจที่ทยอยเข้าฉาย เช่น Alien VS. Predator, House of Flying Dagger, Windstruck, The Bourne Supermacy, The Village, X-Man, Garfield,
Shark Tale, Anacondas เป็นต้น ส่วนภาพยนตร์ไทย ได้แก่ ธิดาช้าง, ชัตเตอร์กดติดวิญญาณ, ผีหัวขาด 2, ซีอุย,
แจ๋ว เป็นต้น
สำหรับสาขาของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 16 สาขา 135 โรง 34,200 ที่นั่ง และโบว์ลิ่ง 236 เลนได้แก่ สาขาปิ่นเกล้า, สุขุมวิท-เอกมัย, รัชโยธิน, รามคำแหง, เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า, เชียงใหม่, รังสิต, พระราม 3, บางนา, บางกะปิ, เสรีเซ็นเตอร์, พระราม 2, นครสวรรค์นนทบุรี, อุดรธานี และฉะเชิงเทรา
สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ :
คุณดารัตน์ ชินตระกูล, คุณนัยน์ปพร สัจจวรกุล
โทร. 0-2511-5427-36 ต่อ 532, 533
โทรสาร. 0-2511-5821--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ