กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--ธนาคารธนชาต
“ศุภเดช พูนพิพัฒน์” มอบทนายยื่นหนังสือ ป.ป.ช.เรียกร้อง ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อนแถลงข่าวจนสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียง ยืนยันบริสุทธิ์ ย้ำไม่เคยทุจริต ไม่เคยร่วมเดินทางไปซานฟรานซิสโกกับบอร์ดการท่าฯ ที่สำคัญไม่ได้ร่วมประชุมบอร์ดเพื่อตัดสินใจซื้อ CTX ตามที่กล่าวหา
จากกรณีที่นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช.ได้แถลงว่าเมื่อวานนี้ (28 สิงหาคม 2555)ระบุว่านายศุภเดช พูนพิพัฒน์ เป็นหนึ่งใน 6 อดีตกรรมการบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ (บทม.) ทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 กรณีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์ และผิดกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 103 เรื่องหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐ ป.ป.ช.ในการเดินทางไปนครซานฟรานซิสโกโดยมีบริษัทตัวแทนของ CTX เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายนั้น วันนี้ (29 สิงหาคม 2555) นายศุภเดช ได้มอบหมายให้นายสุวัฒน์ พฤกษ์เสถียร ทนายความเข้ายื่นหนังสือต่อนายวิชัย วิวิตเสวี ที่สำนักงาน ป.ป.ช.เพื่อเรียกร้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนและระมัดระวังในการให้ข่าวที่เป็นการละเมิดและอาจทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียงได้
นายศุภเดชระบุว่ารู้สึกแปลกใจที่นายวิชัยได้กล่าวหาตนเองว่าเรียกรับผลประโยชน์โดยอ้างการเดินทางไปนครซานฟรานซิสโกกับกรรมการ บทม.ท่านอื่นซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
“ผมขอปฏิเสธข้อกล่าวอ้างดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง ผมขอยืนยันว่าผมไม่เคยเดินทางไปนครซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกาพร้อมกับคณะกรรมการ บทม.ท่านอื่นโดยมีบริษัทตัวแทนจำหน่ายเครื่อง CTX เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายตามที่กล่าวหา ซึ่งในฐานะหน่วยงานของรัฐ ป.ป.ช.สามารถตรวจสอบการเดินทางเข้าออกประเทศของผมได้อยู่แล้ว หลักฐานที่ปรากฏจากการตรวจคนเข้าเมืองจะบ่งชี้ได้เป็นอย่างดี” นายศุภเดชกล่าว
นายศุภเดชกล่าวต่ออีกว่านอกจากตนเองไม่ได้เดินทางไปตามที่กล่าวหาแล้ว ยังไม่ได้อยู่ร่วมประชุมกับคณะกรรมการ บทม.ในวาระที่มีการตัดสินคัดเลือกจัดซื้อเครื่อง CTX อีกด้วย ซึ่ง ป.ป.ช.สามารถเรียกเอกสารรายงานการประชุมในวันประชุมดังกล่าวมาดูได้ จึงไม่เข้าใจว่าถูกกล่าวหาเช่นนั้นได้อย่างไร อย่างไรก็ตามนายศุภเดช ระบุว่าหาก ป.ป.ช.ต้องการตนเองก็มีเอกสารหลักฐานที่พร้อมนำส่งมอบให้กับคณะอนุกรรมการปปช.เพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์
“ผมขอเรียกร้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นองค์กรหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมได้คิด ไตร่ตรอง พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง และระมัดระวังการให้ข่าวที่เป็นการละเมิดและอาจทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งผมในฐานะผู้ถูกกล่าวก็มีสิทธิตามกฎหมายที่จะต่อสู้เพื่อรักษาชื่อเสียงและวงศ์ตระกูลของผมด้วยเช่นกัน”นายศุภเดชกล่าวทิ้งท้าย