กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--เวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ เอ็กซิบิชั่น
นายอัครวุฒิ ตั้งศิริกุศลวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ เอ็กซิบิชั่น จำกัด และกรรมการสภานักธุรกิจไทย-ดูไบและรัฐตอนเหนือของสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ เปิดเผยว่า “หมู่บ้านไทย” ในงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง “โกลบอล วิลเลจ ดูไบ 2012/2013” ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 21 ตุลาคม 2555 ถึงวันที่ 30 มีนาคม 2556 ยาวนานรวม 161 วัน จะอลังการกว่าทุกครั้งที่เคยมีมาโดยตั้งเป้าดึงผู้ประกอบการไทยมากกว่าร้อยรายเข้าร่วมโครงการ
งานหมู่บ้านนานาชาติ หรือ “โกลบอล วิลเลจ ดูไบ” เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในภูมิภาคตะวันออกกลางว่าเป็นศูนย์กลางการค้าและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่มหึมา โดยจัดบนพื้นที่มหาศาลกว่า 1.6 ล้านตารางเมตรในโครงการ ดูไบแลนด์ โดยการจัดแต่ละครั้งจะมีหมู่บ้านจากประเทศทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 30 ประเทศ กว่าร้อยละ 80 ของผู้เข้าชมงานเป็นชนชั้นกลางชาวอาหรับ นักธุรกิจในภูมิภาคตะวันออกกลางในกลุ่มประเทศ GCC อาทิเช่น คูเวต การ์ตา บาห์เรน โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีกำลังซื้อสูงสุด พร้อมนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกกว่า 7 ล้านคนเข้าร่วมเที่ยวชมและจับจ่ายซื้อสินค้าในงาน
นายอัครวุฒิกล่าวว่า หมู่บ้านไทยในรอบหลายปีที่ผ่านมา จัดว่าได้รับความนิยมสูงสุด 1 ใน 5 ของหมู่บ้านนานาชาติที่ดูไบ ด้วยอัธยาศัยไมตรีและน้ำใจไทย ตลอดจนสินค้าที่มีเอกลักษณ์ไทย รสชาติอาหารไทย ผลไม้ไทยที่โลกยกย่อง วัฒนธรรมการละเล่นและการแสดงนาฏศิลป์ที่งดงามอ่อนช้อย ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมประเพณีของไทยซึ่งเป็นมนต์เสน่ห์มัดใจชาวอาหรับเป็นอย่างมาก
สำหรับในปีนี้นายอัครวุฒิ เผยว่าหมู่บ้านไทยได้ปรับโฉมใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้นพร้อมจัดพื้นที่การออกร้านแสดงสินค้าผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับบรรยากาศของการค้าด้วยแนวคิด “คุณค่าของไทย” ตั้งเป้าจะนำเสนอสินค้าและบริการอันหลากหลายจากผู้ประกอบการไทยกว่า100ราย
อีกทั้งยังรวมไปถึงพื้นที่เฉพาะสำหรับกิจกรรมพิเศษต่างๆ เช่น Medical Hub Zone นำเสนอบริการด้านสุขภาพที่ขึ้นชื่อจากประเทศไทยซึ่งคาดว่าจะดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าชมงานชาวอาหรับและต่อยอดไปถึงการเดินทางเข้ามารักษาพยาบาลในประเทศไทยได้อีกด้วย
สำหรับสินค้าที่ได้รับความนิยมมากในหมู่บ้านไทย นายอัครวุฒิเผยว่า ตนอยากแนะให้ผู้ประกอบการไทย ในส่วนของสินค้าแฟชั่น ของที่ระลึก สินค้าด้านสุขภาพและความงาม อาหารและเครื่องประดับได้ลองศึกษาและพิจารณาโอกาสในการออก
งานแสดงสินค้าครั้งนี้ เพราะปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยจำนวนมากไม่ทราบว่า ชาวตะวันออกกลางชื่นชอบสินค้าไทยและแวะเวียนมาจับจ่ายในหมู่บ้านไทยอย่างคึกคักทุกปี ตนเชื่อว่าสินค้าไทยจะทำกำไรอย่างมากในงานปีอย่างแน่นอน
“ปีนี้เราพยายามจะจัดกิจกรรมในหมู่บ้านไทยให้มากขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมพิเศษในวันสำคัญต่างๆ นับตั้งแต่ พิธีเปิดหมู่บ้าน วันลอยกระทง วันเฉลิมพระชนมพรรษา วันปีใหม่หรือวันเด็กของไทยเราก็อยากให้มีกิจกรรมที่เชื้อเชิญให้ผู้ประกอบการและผู้มาเยือนหมู่บ้านของเราได้มีส่วนร่วม”
นอกจากนี้ เพื่อให้เข้ากับแนวคิด “คุณค่าของไทย” คณะผู้จัดงานยังวางแผนจะส่งเสริมสินค้าและบริการต่างๆที่ทรงคุณค่าจากประเทศไทยหมุนเวียนไปอีกด้วย อาทิ เช่น การท่องเที่ยว ศาสตร์การนวดและบริการสปาที่ได้รับการยอมรับของไทย อาหารไทยรสชาติจัดจ้าน เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น ภาพยนตร์ไทยและศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านต่างๆ เหล่านี้จะช่วยส่งเสริมหมู่บ้านไทยและภาพลักษณ์ของประเทศในระยะยาว
“เราอยากจะนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ๆจากประเทศไทยให้แก่ชาวอาหรับและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่แวะมาเยือนเรา สำหรับเรื่องความปลอดภัยหรือการให้บริการต่างๆ เราอยากให้ทั้งผู้ประกอบการและผู้เข้าชมวางใจในจุดนี้ เรามีประสบการณ์ตรงนี้มาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะปีนี้เราติดตั้งกล้องวงจรปิดทั่วหมู่บ้านและมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอดเวลาจัดงาน”
โกลบอล วิลเลจ ดูไบ คือประตูแห่งโอกาสทางการค้าบานใหญ่สำหรับท่านผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจหรือทดลองบุกเบิกตลาดในตะวันออกกลาง โดยการออกร้านในหมู่บ้านไทยเปิดโอกาสให้ท่านได้ศึกษารสนิยม ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นและเก็บเกี่ยวข้อมูลสำคัญเหล่านั้นไปประยุกต์เข้ากับแผนการตลาดของท่าน นี่จึงนับเป็นการวางรากฐานที่สำคัญต่อการขยายธุรกิจมายังภูมิภาคนี้และเติบโตอย่างยั่งยืนได้ สำหรับข้อมูลแนะนำตลาดตะวันออกกลาง และข้อมูลการค้าสามารถเข้าไปดูได้ที่www.vegainter.com นายอัครวุฒิสรุป