กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์
L.P.N. แจงผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2547 รายได้รวม 781 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า
ร้อยละ 220 เป็นผลจากการโอนกรรมสิทธิ์ลุมพินี เพลส พระราม 3-เจริญกรุง และลุมพินี วิลล์
พระแม่มารี-สาทร ได้เกินเป้าหมาย ดันกำไรพุ่งกว่า 150 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 200 %
จากการนำกลยุทธ์ Cost Leadership มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เตรียมรับรู้รายได้ในไตรมาส 3
อีกกว่า 800 ล้านบาท จาก 2 โครงการใหญ่และห้องชุดจากโครงการอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ โอนกรรมสิทธิ์
นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
(มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2547 ของบริษัท บริษัทย่อยและบริษัทร่วมว่า
มีรายได้รวม 781.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2546 ที่มีรายได้รวม 242.02 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 222.89 เป็นผลจากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโครงการ ลุมพินี เพลส พระราม 3-เจริญกรุง
และลุมพินี วิลล์ พระแม่มารี-สาทร ได้สูงกว่าเป้าหมาย ทำให้มีกำไรขั้นต้นจากการขายเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ
34.19 หรือเพิ่มขึ้น 3.64% และยังสามารถลดค่าใช้จ่ายการขายและบริหารลงเหลือเพียงร้อยละ 10.14
หรือลดลง 4.01% ทั้งที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นรวมร้อยละ 4.3 จากภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียม
การโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งเป็นผลจากการนำกลยุทธ์ด้าน Cost Leadership มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะการควบคุมค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิของไตรมาสที่ 2
ปี 2547 จำนวน 154.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 216.20 จากไตรมาสเดียวกันของปี 2546 สำหรับ
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2547 บริษัทเตรียมรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดรวม 2 โครงการ
คือ ลุมพินี เพลส นราธิวาสราชนครินทร์ และลุมพินี เซ็นเตอร์ ลาดพร้าว 111 เฟส 2 มูลค่าโครงการ
รวม 675 ล้านบาท พร้อมยอดค้างโอนจากไตรมาสที่ 2 อีกกว่า 200 ล้านบาท
ด้านงบกระแสเงินสดไตรมาส 2 ปี 2547 มีเงินสดคงเหลือ 468.40 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,185.05 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2546 โดยมีสาเหตุมาจากการเพิ่มทุนจดทะเบียน
จำนวน 276,706,550 หุ้น รวมเป็นทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 1,486,706,550 หุ้น ในเดือนพฤษภาคม 2547
เมื่อพิจารณาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะเท่ากับ 0.68 เท่า ลดลงจากไตรมาส 2 ของปี 2546 แต่หากพิจารณา
เฉพาะหนี้ที่มีดอกเบี้ยจะมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพียง 0.47 เท่า โดยบริษัทได้ปรับลดมูลค่าหุ้น
ตามบัญชีจากหุ้นละ 10 บาท เหลือ 1 บาทในเดือนเมษายน 2547
ตารางสรุปตัวเลขที่สำคัญ
รายการ Q2 2547 Q2 2546 % 6 เดือน 6 เดือน %
เปลี่ยนแปลง 2547 2546 เปลี่ยนแปลง
1. รายได้รวม (ล้านบาท) 781.45 242.02 222.89% 953.97 418.18 128.12%
2. กำไรขั้นต้นจากการขาย (%) 34.19% 30.55% 3.64% 34.85% 28.40% 6.45%
3. กำไรขั้นต้นจากการเช่าและบริการ (%) (2.50%) 34.58% (37.08%) 7.26% 37.67% (30.42%)
4. กำไรขั้นต้นจากการขาย เช่า และบริการ (%) 32.92% 31.08% 1.84% 33.25% 29.84% 3.41%
5. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (%) 10.14% 14.15% (4.01%) 12.57% 15.00% (2.43%)
6. กำไรสุทธิ (ล้านบาท) 154.18 48.76 216.20% 171.52 80.50 113.07%
7. กำไรสุทธิ (%) 19.73% 20.15% (0.42%) 17.98% 19.25% (1.27%)
8. กำไรสุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.16 0.05 220.00% 0.18 0.09 100.00%
9. มูลค่าหุ้นทางบัญชี 2.12 1.30 63.08% 2.12 1.30 63.08%
รายละเอียดเพิ่มเติมติดด่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
วิจิตร อวิรุทธิ์, เสาวนีย์ จีระเดชาธรรม
โทร. 02-285-5011-6 ต่อ 500, 502--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นห)--