กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ร้อยละ 88 ของอันดับเครดิตภายในประเทศ (national rating) ของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ และสถาบันการเงิน (ซึ่งรวมกันเรียกว่า corporate finance) ในประเทศไทยที่จัดอันดับเครดิตโดยฟิทช์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนที่เหลือเป็นการปรับเพิ่มอันดับเครดิตมากกว่าการปรับลดอันดับเครดิต ฟิทช์คาดว่าอันดับเครดิตภายในประเทศโดยรวมจะค่อนข้างคงที่ในปี 2555 จากการที่ฟิทช์ประมาณการณ์อัตราการเติบโตของ GDP ของประเทศไทยไว้ที่ร้อยละ 5.5 ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการก่อสร้างใหม่ การฟื้นตัวของภาคการผลิตและการใช้จ่ายของภาครัฐบาล
ในปี 2554 ฟิทช์ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศของ 3 บริษัทใน corporate finance และปรับลดอันดับเครดิต 1 บริษัท ในขณะที่ อันดับเครดิตภายในประเทศของโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (structured finance) ที่ฟิทช์จัดอันดับ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ณ สิ้นปี 2554 ฟิทช์มีอันดับเครดิตภายในประเทศของ corporate finance จำนวน 35 บริษัทและอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ structured finance จำนวน 3 ชุด
ตั้งแต่ฟิทช์มีการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศไทยครั้งแรกในปี 2544 ยังไม่มีบริษัทหรือหุ้นกู้ใดที่ได้รับการจัดอันดับมีการผิดนัดชำระหนี้ การจัดทำรายงานครอบคลุมถึงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่เปิดเผยต่อสาธารณะของบริษัทใน corporate finance ทั้งนี้ข้อมูลในรายงานยังครอบคลุมถึงการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตภายในประเทศของ structured finance
การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศเป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ และเมื่อมีความต้องการใช้อันดับเครดิตภายในประเทศ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ ‘AAA’ และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศจะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น ‘AAA(tha)’ ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
รายงานหัวข้อ ‘Fitch Thailand National Ratings 2011 Transition Study’ สามารถหาได้จาก website ของฟิทช์ภายใต้ Credit Market Research