กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--TK park
เมื่อวันที่ 29- 30 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา อุทยานการเรียนรู้ TK park ได้จัดการอบรมบรรณารักษ์อาสาสมัครบ้านหนังสือขึ้น เพื่อส่งเสริมการอ่านระดับชุมชนของกรุงเทพมหานคร ณ ศูนย์การเรียนรู้อเนกประสงค์ อุทยานการเรียนรู้ TK park ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยได้รับความสนใจจากอาสาสมัครบ้านหนังสือเข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้กว่า 115 คน จาก 115 แห่งทั่วกรุงเทพฯ
นางสาวรินศิริ ทองคำ หัวหน้าฝ่ายห้องสมุดมีชีวิต อุทยานการเรียนรู้ TK parkได้กล่าวต้อนรับคณะอาสาสมัครบ้านหนังสือที่เข้าร่วมในการอบรมครั้งนี้ว่า “ เมื่อกรุงเทพมหานคร จะเป็น “เมืองหนังสือโลก” ในปี 2556จำเป็นที่เราจะต้องได้รับความร่วมมือโดยเฉพาะกับบรรณารักษ์อาสาสมัครบ้านหนังสือซึ่งถือเป็นห้องสมุดขนาดเล็กเป็นศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ กว่า 115 แห่ง ดังนั้น การจัดอบรมในครั้งนี้ จะช่วยให้บรรณารักษ์อาสาสมัครบ้านหนังสือ ได้เสริมทักษะการเรียนรู้และได้รับความรู้เพิ่มเติมที่จะนำไปสู่การพัฒนาและสนับสนุนให้กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหนังสือโลก ประกอบกับประเทศไทยเตรียมเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ภายในปี 2558TK park ยังได้เสริมการเรียนรู้เรื่องกิจกรรมเกี่ยวกับอาเซียน เพื่อให้กลุ่มอาสาสมัครเหล่านี้ นำความรู้ที่ได้รับกลับไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการทำงานต่อไป”
ด้านนายอำนาจ เหล่าวงศ์ศา บรรณารักษ์ชำนาญการ สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร ในฐานะตัวแทนกลุ่มงานพัฒนาห้องสมุด กทม. กล่าวว่า แม้ปัจจุบันบ้านหนังสือได้ถูกโอนย้ายไปอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานเขตแต่ละพื้นที่ แต่การจัดอบรมครั้งนี้เพื่อให้เกิดการพัฒนาและถือเป็นเรื่องที่ดีที่ TK park เข้ามาช่วยเสริมทักษะและเพิ่มพูนความรู้ให้แก่อาสาสมัครฯ จะได้นำความรู้และกิจกรรมไปเผยแพร่ และพัฒนาบ้านหนังสือให้เกิดประโยชน์ต่อคนในชุมชนได้รับการอ่านหนังสือมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเตรียมความพร้อมเข้าสู่อาเซียน หรือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
ส่วนกิจกรรมและการให้ความรู้เกี่ยวกับอาเซียนนั้น นายอำนาจ กล่าวว่า “ กทม.ได้มีการส่งเสริมเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว โดยเฉพาะห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ทุกแห่งจะต้องมีการจัดมุมอาเซียนและจัดกิจกรรมเกี่ยวกับอาเซียนแต่การมารับรู้ถึงแนวทางการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับอาเซียนของ TK park ในวันนี้ เพื่อให้อาสาสมัครบ้านหนังสือนำไปกระตุ้นให้คนในชุมชนได้รับรู้ว่า เรื่องของประชาคมอาเซียนนั้นมีความสำคัญอย่างไรและมีผลอย่างไรกับเราบ้าง
ทั้งนี้ บุคลากรที่เป็นอาสาสมัครบ้านหนังสือนั้น ถือว่ามีบทบาทสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้คนในชุมชนอ่านหนังสือมากขึ้นจึงคาดหวังให้อาสาสมัครฯ นำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาบ้านหนังสือ เพื่อตอบสนองนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่ต้องให้คนไทยหันมาอ่านหนังสือกันเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ15 เล่มต่อคน เพื่อรองรับการเป็น “เมืองหนังสือโลก”ในปี 2556 แม้อาจจะดูเป็นเรื่องยากแต่หากได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการส่งเสริมการอ่านแล้ว ก็เชื่อว่า น่าจะเป็นไปได้”
โดยการอบรมในช่วงเช้า อาสาสมัครบ้านหนังสือจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์หรือเฟซบุ๊ค เพราะการใช้เฟซบุ๊คนั้นเกิดประโยชน์หลากหลาย นอกจากเป็นช่องทางในการสร้างเครือข่ายเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มแล้ว ผู้ใช้บริการยังสามารถแสดงความคิดเห็นที่จะนำมาเป็นประโยชน์ต่อบ้านหนังสืออีกด้วย โดยในโอกาสนี้ ยังได้ริเริ่มเปิดPage ภายใต้ชื่อ “ บ้านหนังสือ กทม.” ขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีต่อการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มในการจัดกิจกรรมต่างๆให้เกิดพลังมากขึ้นในอนาคต เช่นเดียวกับ Facebook TK park ที่ปัจจุบันได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมเป็นสมาชิกแล้วกว่า 20,000 คน
ส่วนการอบรมในช่วงบ่าย จะเป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจว่าควรจัดกิจกรรมอะไรอย่างไรและทำกับใคร ซึ่งต้องคำนึงถึงกลุ่มผู้รับรู้ในแต่ละช่วงวัยที่แตกต่างกัน โดยมีการยกตัวอย่างการจัดกิจกรรมพิพิธอาเซียนของTK park โดยให้อาสาสมัครได้ทดลองคิดกิจกรรมและเกมอาเซียนขึ้นเอง ซึ่งกิจกรรมนี้ถือเป็นเกมที่น่าสนใจเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากเด็กและเยาวชนเป็นอย่างดีนอกจากนี้ยังมีการจัดอบรมกิจกรรมการส่งเสริมการอ่าน : อ่านได้ อ่านดี โดยคุณเรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการผู้จัดการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก ฯลฯ
ขณะที่ นายธนกร วรรณศิริวรรณ ตัวแทนอาสาสมัครบ้านหนังสือเลียบคลองหมื่นแช่ม หมู่ 13 จากสำนักงานเขตหนองแขม กล่าวเสริมว่า เรื่องการอ่านนั้น เมื่อดูจากสถิติของคนไทยที่ผ่านมาพบว่ามีการอ่านหนังสือกันค่อนข้างน้อย แม้นโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ที่ต้องการเห็นคนไทยอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นเป็น 15 เล่มต่อคนต่อปีก็ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาวที่มีสถิติการอ่านหนังสือเฉลี่ยถึงปีละกว่า 40-50 เล่มต่อคน จึงเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องให้ความสำคัญมากขึ้นในฐานะอาสาสมัครบ้านหนังสือ จะนำความรู้ที่ได้รับครั้งนี้ไปใช้ในการทำงานต่อไป
สำหรับการอบรมบรรณารักษ์อาสาสมัครบ้านหนังสือ เพื่อส่งเสริมการอ่านระดับชุมชนของกรุงเทพมหานครนี้นับเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยเป็นการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานอุทยานการเรียนรู้(สอร.)สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน)สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2554ผ่านมา เพื่อพัฒนา “บรรณารักษ์” ในฐานะบุคลากรสำคัญของห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ และ “บ้านหนังสือ” รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านการเรียนรู้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดวัฒนธรรมการอ่าน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนในชุมชน