ไทยพาณิชย์ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ 20,000 ล้านบาท เปิดทางเลือกการลงทุนรอบใหม่ จองซื้อ 5-14 ก.ย. นี้ ผ่านทุกสาขาทั่วประเทศ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 4, 2012 14:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ก.ย.--ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ครั้งที่ 2/2555 วงเงิน 20,000 ล้านบาท อายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.65% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท เปิดทางเลือกให้นักลงทุนที่สนใจการลงทุนในตราสารหนี้จากสถาบันที่มีรากฐานและฐานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแรง เป็นธนาคารไทยแห่งแรกของประเทศ มีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เจริญเติบโตเป็นธนาคารชั้นนำที่มีผลประกอบการโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดจองแก่ประชาชนทั่วไประหว่างวันที่ 5-14 กันยายน 2555 ผ่านทุกสาขาทั่วประเทศ นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เติบโตอย่างโดดเด่นและต่อเนื่องสูงสุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของประเทศ จากผลประกอบการปี 2554 ที่ผ่านมา ในก้าวที่มั่นคงต่อไป ธนาคารมีเป้าหมายในการระดมทุนเพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อและธุรกิจในอนาคต พร้อมเสริมความแข็งแกร่งเงินกองทุนขั้นที่ 2 ของธนาคาร โดยธนาคารจะเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิต่อประชาชนทั่วไป ครั้งที่ 2/2555 ประเภทไม่มีหลักประกัน อายุ 12 ปี ในวงเงิน 20,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.65% ต่อปี และจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ชำระเงินคืนเงินต้นครั้งเดียวเมื่อครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ในวันที่ 17 กันยายน 2567 ธนาคารมีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดในวันครบรอบ 7 ปี นับตั้งแต่วันออกหุ้นกู้ ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับจาก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ที่ระดับ AA- (tha) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ธนาคารเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่สนใจการลงทุนระยะยาวในตราสารจากสถาบันที่มีความมั่นคง ความเสี่ยงในระดับต่ำ และมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับตราสารระยะยาวอื่นๆ ผู้สนใจสามารถจองซื้อหุ้นกู้หรือรับหนังสือชี้ชวนผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ 1,118 สาขาทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 5-14 กันยายนนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นธนาคารไทยแห่งแรกที่ก่อตั้งมานานถึง 105 ปี ถือหุ้นใหญ่โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และกระทรวงการคลัง มีมูลค่าตลาดรวม (Market Capitalization) สูงเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มสถาบันการเงิน (512 พันล้านบาท) และสามารถสร้างกำไรจากการผลดำเนินงานได้สูงเป็นประวัติการณ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในปี 2554 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 36,000 ล้านบาท สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งสามารถบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดได้รับรางวัลธนาคารยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทยจาก Euro Money สหราชอาณาจักร และ Global Finance สหรัฐอเมริกา และรางวัลธนาคาร ยอดเยี่ยมแห่งปี 2554 จากวารสารการเงินธนาคาร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ