กรุงเทพฯ--4 ก.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มใช้ระบบซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่ "SET CONNECT" วันนี้ (3 ก.ย. 2555) ประสบผลสำเร็จโดยระบบทำงานได้อย่างราบรื่นตลอดทั้งวัน เผยระบบเผยแพร่ข้อมูลการซื้อขาย (Market Data System) และระบบงานกำกับการซื้อขาย (Market Surveillance System) ใหม่ ที่เริ่มใช้พร้อมกัน สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมสานโอกาสการลงทุนให้ผู้ลงทุน และธุรกิจ
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้ (3 กันยายน 2555) เป็นวันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเริ่มใช้ระบบซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ SET CONNECT โดยระบบสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ จับคู่คำสั่งซื้อขายได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิมมาก รวมทั้งผู้ให้บริการข้อมูล (Market Data Vendor) ทั้งในประเทศและต่างประเทศทุกรายสามารถรับข้อมูลจากระบบเผยแพร่ข้อมูลการซื้อขาย (Market Data System) ได้ครบถ้วน รวดเร็ว และถูกต้อง ส่วนระบบงานกำกับการซื้อขาย (Market Surveillance System) ที่เปิดใช้พร้อมกันในวันนี้ ก็สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเช่นกัน
ด้าน Mr. Javier Tordable, CEO, Cinnober Financial Technology AB กล่าวว่า Cinnober ขอแสดงความยินดีกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ได้เปิดให้บริการระบบซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่ SET CONNECT แล้ววันนี้ หลังจากที่ได้มีการทำงานร่วมกันระหว่าง ตลาดหลักทรัพย์ฯ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ Cinnober ทั้งการพัฒนาและการทดสอบระบบอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง Cinnober มีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับความสำเร็จในครั้งนี้เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นตลาดทุนที่มีศักยภาพแข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค โดยก้าวต่อไป Cinnober คาดหวังว่าการพัฒนาระบบซื้อขายตราสารอนุพันธ์ให้อยู่บนระบบเดียวกัน (single platform) จะสามารถรองรับธุรกรรมใหม่ ๆ ที่จะเกิดในอนาคต เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนให้แก่ระบบการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทย
ด้าน นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า การเปิดใช้ระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่ SET CONNECT ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยบริษัทหลักทรัพย์ทุกรายสามารถส่งคำสั่งซื้อขายเข้ามายัง SET CONNECT ได้อย่างราบรื่น คล่องตัว และระบบของตลาดหลักทรัพย์สามารถตอบสนองการรับส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้งนี้ระบบ SET CONNECTจะสามารถรองรับการเติบโตตามภาวะตลาดและธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์ในอนาคตได้เป็นอย่างดีทั้งปริมาณและมูลค่าการซื้อขาย พร้อมทั้งสามารถรองรับการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เท่าเทียมกับตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายได้หลายสกุลเงิน (multi currency trading) หรือด้วยการเชื่อมต่อที่เป็นสากล (Fix Protocol) ซึ่งจะช่วยให้การทำธุรกรรมกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ เป็นไปได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น