กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์
กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย ฉลองครบรอบ 80 ปี การดำเนินงานในประเทศไทย ประกาศสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ตอกย้ำการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย และมุ่งมั่นสานต่อเจตนารมณ์ที่จะอยู่เคียงข้างผู้บริโภคชาวไทยในระยะยาว
กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย เดินหน้าสร้างการเติบโตทางธุรกิจในประเทศไทย ประกาศโครงการสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่มูลค่ากว่า 2.6 พันล้านบาท เน้นสร้างบรรยากาศในการทำงานที่คล่องตัว ไร้ขีดจำกัดเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการสร้างสรรค์นวัตกรรม พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จมาทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบริษัทฯ
นายบาวเค่อ ราวเออร์ส ประธาน กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศ กล่าวก่อนพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ว่า “อาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่นี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่มีต่อการลงทุนและดำเนินธุรกิจในระยะยาวในประเทศไทย รวมทั้งส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้บริโภคชาวไทยด้วย และที่สำคัญคือ เป็นส่วนหนึ่งของการฉลองครบรอบ 80 ปีการดำเนินงานของเราในประเทศไทย”
โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของยูนิลีเวอร์ จะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายระดับโลกที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นายบาวเค่อร์กล่าวเสริมว่า ตามแผนการดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืนนั้น “ยูนิลีเวอร์ได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก เรามีจุดมุ่งหมายที่จะขยายธุรกิจเป็นสองเท่าภายในปี 2558 และลดของเสียจากการดำเนินการและการผลิตลงให้ได้ 50% ในประเทศไทย และภายในปี 2560 กลุ่มยูนิลีเวอร์ทั่วโลกจะช่วยให้คนหนึ่งพันล้านคนทั่วโลกมีสุขภาพ อนามัยที่ดี โดยที่เราจะจัดหาวัตถุดิบในการผลิตจากแหล่งที่ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้ครึ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะจากการผลิตหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ของเราก็ตาม”
“การที่เราจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สูงมากเช่นนี้ได้ ยูนิลีเวอร์ได้พยายามพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย การสร้างนวัตกรรม จำเป็นต้องอาศัยบรรยากาศในการทำงานที่ดี และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ อาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่นี้ ได้รับการออกแบบและพัฒนามาเพื่อให้เป็นสำนักงานที่ส่งเสริม “การทำงานแบบคล่องตัว ไร้ขีดจำกัด และแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลงได้ถึง 20% การออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในอาคารเป็นแบบเปิด ไม่มีฉากกั้นระหว่างโต๊ะ มีพื้นที่ที่ใช้ร่วมกันมากขึ้น ทำให้พนักงานสามารถเดินไปไหนมาไหน เคลื่อนย้ายที่ทำงาน และมีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลความเห็นกับทุกคนได้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจะส่งเสริมการทำงานอย่างไร้ขีดจำกัด”
แนวคิดหลักในการออกแบบอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ คือ การกำจัดกำแพงที่ขวางกั้นการทำงานและการสื่อสารลง เพื่อสร้างบรรยากาศในการทำงานที่มีชีวิตชีวา มีสำนักงานที่สว่างไสว น่าทำงาน และมีพื้นที่กว้างขวาง โดยการใช้ทางลาด ทางเชื่อม และบันไดเพื่อเชื่อมพื้นที่ต่างๆ ทั้งพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่ทำงานในแต่ละชั้น ทำให้พนักงานจากต่างแผนกสามารถติดต่อกันได้อย่างคล่องตัว นอกจากนี้ระบบอินเทอร์เน็ตและ Wi-Fi ช่วยให้ทุกคนทำงานได้ทุกที่ และสามารถดึงข้อมูลมาใช้งานได้สะดวก ขณะเดียวกันก็ช่วยลดต้นทุนในการบริหารได้เป็นอย่างดี
“เราเชื่อว่าวัฒนธรรมการทำงานที่คล่องตัวและบรรยากาศการทำงานที่มีชีวิตชีวา จะช่วยให้พนักงานของเราสามารถทำงานสร้างสรรค์ได้ง่ายขึ้น เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ดีกว่าให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นสุข แบ่งปันความสุขกับคนไทย ทำให้คนไทยดูดี มีสุขภาพดี และรู้สึกดี พร้อมกับได้มีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันด้วย” นายบาวเค่อกล่าว
นอกจากการสนับสนุนการทำงานอย่างคล่องตัวแล้ว สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของยูนิลีเวอร์ ยังเป็นสำนักงานที่สร้างความยั่งยืนให้กับสังคม เพราะในกระบวนการออกแบบตั้งแต่โครงสร้างไปจนถึงการตกแต่ง ได้คำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น เช่น ในการก่อสร้างอาคารทั้งหมด ได้ตั้งเป้าหมายที่จะใช้วัสดุรีไซเคิลคิดเป็น 20% และพยายามใช้วัสดุที่สามารถหาได้ในภูมิภาคนี้ ส่วนงานระบบต่างๆ ของอาคาร เช่น ผนังกรุด้วยกระจกโครงอลูมิเนียมจะใช้กระจกรีไซเคิล มีระบบแสงสว่างแบบอัจฉริยะ และระบบอื่นๆ ที่ช่วยให้อาคารใหม่แห่งนี้สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 20%
อาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของยูนิลีเวอร์นี้ เป็นอาคารสูง 12 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยรวม 48,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจบนถนนพระราม 9 และมีกำหนดก่อสร้างเสร็จในปลายปี 2556
โครงการอาคารสำนักงานใหญ่ของยูนิลีเวอร์ พัฒนาโดยบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) ตามสัญญาเช่าระยะยาว โดยยูนิลีเวอร์เป็นผู้กำหนดรายละเอียดต่างๆ ในการออกแบบและก่อสร้าง รวมถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม และเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ยูนิลีเวอร์ได้รับการรับรอง Leadership in Energy and Environmental Design (LEED) สำหรับการบริหารจัดการอาคารอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยัง
ช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี ไม่ให้เป็นเพียงที่ทำงานเท่านั้น แต่เป็นที่ที่ทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพ
“และสำหรับพนักงานประมาณ 1,200 คนของเรา ที่จะได้ย้ายเข้ามาทำงานที่นี่ อาคารแห่งนี้จะเป็นบ้านใหม่และเป็นสำนักงานที่เปิดกว้าง สร้างบรรยากาศการทำงานที่คล่องตัวและลื่นไหลไร้ขีดจำกัดมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหรนครด้วย ความสำเร็จของเราบรรลุได้ด้วยการมีสถานที่ทำงานที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ยูนิลีเวอร์จะมีบทบาทเป็นผู้นำในการออกแบบสำนักงานที่มีผู้ใช้งานหรือพนักงานเป็นศูนย์กลางตอบสนองวิถีกาทำงาน ตอกย้ำความมุ่งมั่นตั้งใจของเราที่จะนำความยั่งยืนสู่ทุกภาคส่วนของธุรกิจของเรา เป็นอีกก้าวสำคัญในการมุ่งสู่ความสำเร็จในอนาคต” นายบาวเค่อ กล่าว
ในด้านผลประกอบการในครึ่งแรกของปี 2555 ของกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย นายบาวเค่อร์กล่าวว่า ยอดขายของยูนิลีเวอร์เติบโตมากกว่า 10% ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของตลาด “เพราะผู้บริโภคต้องการสินค้าของยูนิลีเวอร์เพิ่มมากขึ้น บริษัทฯ สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ออกมามากมาย รวมทั้งประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่ดี”
แถลงข่าวในนาม : กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย
รายละเอียดเพิ่มเติม : อรัญญา ลือประดิษฐ์
ผู้จัดการฝ่ายสนับสนุนการสื่อสาร
บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด
โทร. 0 2554 3528
: จินตนา ดวงแก้ว
ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ จำกัด
โทร. 0 2205 6653,
อีเมล์ jintana.duangkaew@ogilvy.com