กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--สำนักงานเกษตรจังหวัดมหาสารคาม
แม้หลายพื้นที่จะประสบปัญหาภัยแล้ง แต่เกษตรกรหลายรายที่น้อมนำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริไปใช้ในไร่นา สามารถสู้กับวิกฤตภัยแล้งได้เป็นอย่างดี
ว่าที่ ร.ต.จักรภัทร ผ่องโอภาส เกษตรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ที่ผ่านมาจังหวัดมหาสารคามประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน กรณีฝนทิ้งช่วงไปแล้ว 5 อำเภอ จากทั้งหมด 13 อำเภอ รวม 44 ตำบล 671 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรประสบภัยพิบัติ 593,072 ไร่คาดเสียหายกว่า 430,380 ไร่ แต่มีเกษตรกรหลายรายได้น้อมนำเกษตรทฤษฎีใหม่ไปใช้ในไร่นา จึงทำให้หลุดพ้นจากวิกฤตภัยแล้งซึ่งปีนี้นับว่ารุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี นายถวิล จำปาแก้ว เกษตรกรบ้านปอพาน ตำบลปอพาน อำเภอนาชืเอก จังหวัดมหาสารคาม เป็นหนึ่งในเกษตรกรอีกหลายรายที่ได้น้อมนำเกษตรทฤษฎีใหม่ไปใช้ในไร่นา จากพื้นที่ทั้งหมด 18 ไร่ ได้แบ่งเป็นพื้นที่ขุดสระน้ำ 3 ไร่ ปริมาณเก็บกัก กว่า ๑๕,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร พร้อมแบ่งเป็นที่อยู่อาศัย ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผักและเลี้ยงสัตว์ อีก 3 ไร่ ส่วนที่เหลือ อีก 12 ไร่สำหรับทำนา ในปีนี้แม้สถานการณ์ภัยแล้งคุกคามไปทุกพื้นที่ เกษตรกรได้สูบน้ำจากสระน้ำไปตกกล้ก่อนปักดำ และใส่ปุ๋ยคอกที่มีอยู่แล้วในไร่นา ในช่วงที่สถานการณ์ภัยแล้งยังไม่คลี่คลายได้สูบน้ำไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวทั้ง 12 ไร่ ทำให้ต้นข้าวหลุดพ้นจากวิกฤตภัยแล้ง เจริญเติบโตแตกกอและใกล้ตั้งท้องออกรวง
เกษตรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวต่อไปว่าจากความสำเร็จทำให้เกษตรกรมีรายได้นอกจากการขายข้าวแล้ว ยังมีรายได้จากการขายพืชผัก ผลไม้ และจาการเลี้ยงสัตว์ปีก วันละ 300-500 บาท จึงนับเป็นเกษตรกรต้นแบบในการดำเนินวิถีชีวิตด้วยหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ ที่ยึดอาชีพเกษตรกรรมทำการผลิตอาหารเลี้ยงครอบครัว นอกจากนี้ยังทำการเกษตรที่จะก้าวไปสู่เกษตรอินทรีย์เพื่อใหเป็นอาหารปลอดภัยสำหรับผู้ผลิตและผู้บริโภคต่อไป เกษตรกรที่สนใจจะรวมกลุ่มปลูกข้าวอินทรีย์ การเพิ่มผลผลิตข้าวหรือมีปัญหาด้านการเกษตรติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ และสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน หรือขอคำปรึกษาและแก้ปัญหาการเกษตร โดยตรงกับเกษตรจังหวัดมหาสารคาม โทรศัพท์หมายเลข ๐๘๑-๗๙๐๕๒๕๖ และหมายเลข ๐๘๘-๕๔๙๗๙๔๔