กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--PRdd
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมออกกองทุนใหม่ที่ลงทุนในต่างประเทศเช่นเดียวกับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล เวลท์ (SCB Global Wealth Open End Fund : SCBGLOW) อีกจำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล เวลท์ พลัส (SCB Global Wealth Plus Open End Fund :SCBGLOWP) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพอีก 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล เวลท์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCB Global Wealth RMF :SCBRMGW) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล เวลท์ พลัส เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCB Global Wealth Plus RMF :SCBRMGWP) โดยจะเริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 11-17 กันยายนศกนี้ ด้วยเงินลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
นางโชติกากล่าวว่า จากการเสนอขายกองทุนโกลบอล เวลท์ เมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งใช้กลยุทธ์การกระจายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศทั่วโลกที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั้งตราสารหนี้ หุ้น ตลอดจนสินค้าโภคภัณฑ์ ถือได้ว่ากองทุนดังกล่าวมีผลการดำเนินงานในระดับที่ดีตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีอัตราผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 7.82% (ข้อมูล ณ 29 ส.ค. 2555) การออกกองทุนในกลุ่มโกลบอล เวลท์ อีก 3 กองทุน จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่มากขึ้นในระยะยาว
ทั้งนี้ นโยบายการลงทุนของทั้ง 3 กองทุน จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยสัดส่วนการลงทุนในแต่ละกองทุนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ซึ่งจะวิเคราะห์ตามสภาวะเศรษฐกิจ สภาวะตลาดเงิน หรือสภาวะตลาดทุนในขณะนั้น โดยกองทุน SCBRMGW จะมีการลงทุนเหมือนกับกองทุน SCBGLOW ที่เน้นกระจายการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ทั่วโลก เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน แต่จะมุ่งสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว ในขณะที่กองทุน SCBGLOWP และกองทุน SCBRMGWP เน้นการลงทุนในตราสารทุน และสินทรัพย์ในตลาดประเทศเกิดใหม่ (Emerging market) ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ค่อนข้างสูงเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว
“สถานการณ์ความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่สูงในปัจจุบัน ทั้งเรื่องของปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปที่ยังไม่สามารถหาทางแก้ไขให้แล้วเสร็จ ปัญหาทางการคลังของสหรัฐ (US Fiscal cliff) หรือแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งการระดมใช้มาตรการแทรกแซงต่าง ๆ จากธนาคารกลางทั่วโลก เพื่อกระตุ้นการกู้ยืมและการใช้จ่าย ซึ่งอาจเป็นการกระตุ้นให้เกิดภาวะฟองสบู่แตก (Credit bubble) ที่รุนแรงมากขึ้นในอนาคต ตลาดการลงทุนในวันนี้จึงอยู่ในภาวะที่ผันผวนอย่างมาก การจัดสรรการลงทุนจึงควรเป็นไปด้วยความระมัดระวัง และเน้นการกระจายความเสี่ยงในหลักทรัพย์ที่มีคุณภาพ” นางโชติกากล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า
จุดเด่นของกองทุนกลุ่มโกลบอลเวลท์ คือ ผู้ถือหน่วยลงทุนเพียงครั้งเดียวเหมือนได้ลงทุนในตราสารที่หลากหลายทั่วโลก เช่น ตราสารทุน ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีความหลากหลายในบริษัทจัดการของผู้ออกตราสาร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรระดับนานาชาติ โดยเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในตราสารในประเทศเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้กองทุนต่างประเทศ (หรือกองทุนหลัก) ทุกกอง บริหารโดยบริษัทจัดการชั้นนำระดับโลก โดยกองทุนมีบริษัทเมอร์เซอร์ (Mercer) เป็นที่ปรึกษาการลงทุน คอยให้คำแนะนำเรื่องการปรับเปลี่ยนอัตราส่วนการลงทุนในตราสารต่าง ๆ ตามสถานการณ์ตลาดให้กับผู้ลงทุนตลอดเวลา ขณะเดียวกันกองทุนมีสภาพคล่องสูง เปิดซื้อขายทุกวันทำการซื้อขายหน่วยลงทุน
นอกจากนี้ผู้ลงทุนสามารถเลือกจังหวะการลงทุนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งทุกๆกองทุนได้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับสกุลเงินบาท ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศตลอดเวลา สำหรับกองทุน SCBGLOWP ผลตอบแทนจากกองทุนไม่เสียภาษี สำหรับบุคคลธรรมดา ขณะที่กองทุน SCBRMGW และกองทุน SCBRMGWP ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพเมื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน สำหรับผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6