กรุงเทพฯ--10 ก.ย.--สหมงคลฟิล์ม
ฉลาดคล่องแคล่ว ไวยังกะลิง ฤทธิ์เดชเหลือล้น -“ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้” ปล่อยพลังแบบสุดขั้วเมื่อหอยเกียรติศักดิ์ ให้ชีวิตหนุมานในคราบของหุ่นกระป๋องกับ “ยักษ์” แอนิเมชั่นไทย ผลงานเขียนบท-กำกับภาพยนตร์โดย ประภาส ชลศรานนท์
Q.ทราบมาว่าตอนนี้ฮอตมากมี7วันทำงาน7วันเลยอยากให้พี่หอยอัพเดทชีวิตสุดฮอตสักหน่อย
H. ครับตอนนี้ชีวิตก็วุ่นวายมากๆชีวิตส่วนตัวไม่ค่อยมีนะครับ มีแต่ชีวิตของคนอื่นก็ตอนนี้มีทำรายการทีวีนะครับ รายการในSATTLELITEนะครับ และก็มีทำหนังสือ OHOนะครับ และก็ทำหนังอะไรต่างๆ ตอนนี้ก็คงไม่ได้มีเวลาแต่งงานมีลูกแบบคนอื่นเขา เพราะว่าให้สัญญากับวิลลี่ว่า5 ปีต่อจากนี้ไปผมจะไม่มีครอบครัว เพราะว่าเขามีลูกกันหมดแล้ว ถ้าผมมีลูกอีกบริษัทก็คงจะหงอยกันแน่ๆ ผมก็เลยคิดว่าให้เวลาตัวเองอีกสัก5ปี 7วันนี้ก็ทำงานชนิดที่ว่าสแตนบายเสาร์-อาทิตย์ ตอนนี้ก็คงเน้นเรื่องรายการทีวีก็ต้องรีบนำเสนอ และที่ฮอตๆจริงก็น่าจะเป็นSATTLELITEสาระแนแชนแนล เพราะตอนนี้มีกิจกรรมทุกๆเดือนทุกอาทิตย์ทุกอย่างที่ออกเองครับ เพราะว่ามันไม่มีใครนะครับก็ต้องลุยด้วยตัวเองครับ
Q.ชีวิตของพี่หอยผูกผันและเกี่ยวข้องกับการ์ตูนมากน้อยแค่ไหนอย่างไรและมีการ์ตูนตัวไหนที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ
H. จริงๆคำว่าการ์ตูนนี้มาคู่และติดมาตั้งแต่สมัยหนังจักรๆวงศ์ๆตอนแปดโมงเช้าที่ตื่นขึ้นมาต้องมาดูพระทิณวงศ์ โสนน้อยเรือนงามอะไรอย่างนั้นเลยนะครับ ก็คิดว่ามันอยู่คู่กัน อย่างเรานี้เราบอกตรงๆว่าเราติดช่องเก้าการ์ตูน ดูมาตั้งแต่ ดราก้อนบอล โดเรมอน ที่ชอบมากที่สุดคืออาราเล่ พูดถึงอาราเล่ เรียกได้ว่าผมมีทุกคอลเล็คชั่นอาราเล่ที่เป็นเคสไอโฟนเลย(ชูมือถือที่ใส่เคสอารเล่ให้ดู) นี่ก็จะเป็นอาราเล่ มีซูปเปอร์แมนจู๋ มีไอ้ตัวที่ปั่นจักรยานน้องคิโนโกะ และก็การ์ตูนที่ผมติดอีกอันคือคอบร้าเป็นการ์ตูนที่ไม่ใช่การ์ตูนเด็ก มันจะเป็นการ์ตูนผู้ใหญ่ขึ้นมานิดนึงก็ดูไล่ลงมาเรื่อยๆ เมื่อ ก่อนมีดราก้อนบอลหลังๆก็คงไม่ค่อยได้ดูแล้ว เพราะตื่นมาไม่ทันพระทิณวงศ์กับโสนน้อยเรือนงามก็เลยทำให้ช่องเก้าการ์ตูนเลือนหายไปครับ แต่รู้สึกว่าจะมีเป็นตอนเย็นแล้ว เพราะการ์ตูนตอนเย็นก็จะมีเยอะตามที่เป็นนโยบายของ กสทช. มั้งครับสามช่วงเวลา ตอนนี้ต้องเป็นรายการเด็ก ต้องเป็นการ์ตูน ต้องเป็นอะไรอย่างนั้น ก็เหมือนเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กไม่เหมือนตอนที่เราเป็นเด็กเย็นๆก็ยังดูได้อยู่
Q.การ์ตูนมีอิทธิพลและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตหรือไม่อย่างไร
H. การ์ตูนมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตไหม ผมว่ามันทำให้ชีวิตตอนเด็กมันมีความสุขนะ การ์ตูนมันเป็นชีวิตที่เหนือความเป็นจริงอย่างโดเรมอนอย่างนี้ ไทม์แมชชีน เฮ้ยเราอยากมีไทม์แมชชีนซึ่งทำให้เด็กมีจินตนาการครับ จริงๆแล้วหนังการ์ตูนมันทำให้เด็กที่ดูมันมีจินตนาการไม่ว่าจะเป็นดราก้อนบอล เซนต์เซย่า เฮ้ยเครื่องมือที่มันทำให้จำได้ดีของโดเรมอน มันทำให้เราเริ่มมีจินตนาการ เหมือนการเรียน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือว่าพวกที่ได้เรียนศิลปะหรือได้ดูพวกแอนิมอลแพลนเน็ตหรือสัตว์ ได้ดูอะไรพวกนี้จะทำให้มีจิตใจอ่อนโยนและมีจินตนาการซึ่งมีผลแน่นอนครับ
Q.สำหรับประสบการณ์ในการพากย์การ์ตูนที่ผ่านมา
H. การพากย์การ์ตูนสำหรับเรื่องยักษ์ถือว่าเป็นเรื่องที่สองครับ เรื่องแรกจะเป็นเรื่องDINOSAURซึ่งผมบอกกับตัวเองว่าผมจะไม่พากย์การ์ตูนอีกเพราะมันยาก เพราะว่าตอนนั้นมันเป็นฮอลลีวู้ดไง ผมจำได้ว่าผมพากย์เป็นไอ้ตัวลิงหรืออะไรในเรื่องDINOSAURนะ คือฝรั่งทางฮอลลีวู้ดเขาไม่รู้สึก แล้วการพากย์การ์ตูนของไทยกับฝรั่ง ผมว่าไม่เหมือนกันนะ ของฝรั่งเขาจะ นี่เจ้ารู้สึกยังไง เขาชี้เลยว่าห้ามเสียงขึ้นเสียงลง ผมจำได้ผมไม่เอาแล้วนะผมรู้สึกว่ามันยาก เพราะว่าบางทีคนไทยกับฝรั่งมันอาจจะไม่เหมือนกัน ต้องบอกให้เสียงนี้โทนเหมือนกันเลย ผมก็เลยคิดว่าหลังจากหนังเรื่องนั้นแล้ว คือไม่ใช่ว่าพากย์ไม่ดีนะครับ หนังเรื่องนั้นดีมาก แต่ผมเสียใจตัวเองว่าผมทำไม่ได้ เพราะว่าผมเป็นคนที่ไม่รู้สิอารมณ์มันต้องชัดเจน แต่เขาบอกให้เป็นอารมณ์แบบนี้ ผมก็เลยคิดว่าไม่อยากจะพากย์เอง แต่พอได้รับการติดต่อจากไอดอลของผมเองอย่างพี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ที่ผมติดตามอ่านหนังสือมาตลอด ดูผลงาน ฟังผลงาน ทั้งดูทั้งฟังทั้งร้องตามกับผลงานของเขาบอกว่าอยากจะให้ผมพากย์การ์ตูน ตอนแรกผมก็หวั่นๆว่ามันจะเหมือนเดิมหรือเปล่านะ เราทำไม่ได้รึเปล่านะ เขาบอกว่าไม่ เพราะว่าการทำการ์ตูนของเขาในครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่เอาปากของเราจริงๆ เอาคาแร็คเตอร์ของเราจริงๆมาผสมผสานกับการทำแอนิเมชั่น คนไทย ตอนแรกผมก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันจะเป็นยังไง เขาก็บอกว่าใช้วิธีเดียวกับไอ้ที่เขาทำการ์ตูนกันเลย ให้ผมแอ็คติ้งไปด้วย ผมถ่ายไปพูดไปในตอนแรกเลยก็เหมือนเป็นตัวนั้นเลย ซึ่งเขาก็บอกว่าเป็นหนังเรื่องหุ่นกระป๋องเรื่องราม เฮ้ย หรอ พอไปอ่านจริงๆพี่จิกเป็นคนเขียนบทที่ดัดแปลงผมรู้สึกว่า เฮ้ยทำได้ไง คือมันมาเป็นหุ่นกระป๋องเฉยเลย ซึ่งแต่เอาเรื่องจากรามเกียรติ์จริงๆ ซึ่งผมก็ได้รับเกียรติจริงๆที่ว่าผมดูมาตั้งแต่เด็กๆแล้วแหละ ตัวหนุมาน แต่ตัวนี้ในหนังแอนิเมชั่นเรื่องนี้ชื่อ เผือก
Q.โดยส่วนตัวแล้วพี่หอยถือได้ว่าเป็นคนหนึ่งที่ชีวิตผูกพันเกี่ยวกับเรื่องของดนตรีและการควบคุมการใช้มาทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้ซึ่งแม้แต่การแสดงของพี่หอยเองค่อนข้างเชื่อมโยงและพูดได้ว่าเกี่ยวพันกับเรื่องของการใช้เสียงพอสมควรเลยทีเดียว
H. ก็ในชีวิตผมจริงๆแล้วพูดได้ว่าดนตรีมีผลและก็เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะผมเรียนดนตรีมา คณะศิลปศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอกดนตรีตะวันตก ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าพลิกผัน จริงๆชีวิตผมนี้ผมอยากทำรายการทีวีจริงๆก็เลยสอบเข้านิเทศฯตอนนั้นเลือกได้หกอันดับ ผมเลือกนิเทศมาห้าอันดับ มาเลือกศิลปกรรมจุฬา เพราะแม่ แม่ให้เลือก เพราะแม่รู้ว่าผมเรียนดุริยางค์ วัดสุทธิฯ น่าจะโอเคนะ สอบอันนี้ติดศิลปกรรม จุฬาครับ แต่ผมก็รักดนตรีไหม ผมรักมาตั้งแต่ม.หนึ่งนั่นแหละ เพราะผมเรียนดุริยางค์มาหกปี บางคนก็เรียนหนึ่งปีสองปี แต่ผมเรียนหกปี ผมก็เลยได้มาอยู่ในวงจรดนตรี เรียกได้ว่าวงจรดนตรีทั้งวันครับเป็นเวลาห้าปี เรียนห้าปีครับ ส่วนหนึ่งในชีวิตก็ได้ฝึกฝนดนตรีมาหลายๆแบบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดนตรีที่ผมเป่า โอโบครับ บางคนก็ไม่รู้จักวว่าโอโบคืออะไร โอโบนั้นคือเครื่องดนตรีสีดำๆครับ(เครื่องเป่าเป็นเครื่องดนตรีหลักในวงออเครสต้า) ถ้าเปรียบเสมือนก็เรียกว่าเป็นปี่เรียกงู
ถามผมว่าแล้วทำไมผมถึงไม่ดำเนินชีวิตหรือว่าทำอาชีพนี้ เพราะว่าคนที่เป่าโอโบในเมืองไทยนี้มีประมาณสี่คน สี่คนตอนนั้นนะครับ ตอนที่ผมอยู่ปีหนึ่งปีสองถ้าจะคิดทำอาชีพนี้ลองคิดดูครับว่าในสี่คน คนที่หนึ่งเป็นอาจารย์ผมเป็นคนที่สอนผม คนที่สองเป็นรุ่นพี่ผม คนที่สามเป่าเก่งมากอยู่ครุศาสตร์ ผมคนที่สี่ และในบรรดาวงออเครสต้าใหญ่ๆในเมืองไทยมีอยู่เพียงหนึ่งวงครับคือบางกอกซิมโฟนี่ออร์เครสตร้า(BSO) และที่เขาเป่ามีอยู่สองแนว ผมอันดับสี่อย่างน้อยต้องมีการฆ่าอาจารย์ ฆ่าพี่ ฆ่าอะไรอย่างนี้ ก็คงแบบว่าเอาลิ้นที่เป่าไปจุ่มยาพิษและก็เสียชีวิตกันไป และผมก็คิดว่าคงไม่มีโอกาสนั้นล่ะ ผมก็คิดว่าผมมาทางที่ผมชอบทำรายการทีวีทำอะไรไปดีกว่า แต่ส่วนหนึ่งที่ยังคงเข้ามาอยู่ในชีวิตของผมก็ยังคงเป็นดนตรีอยู่ ในการใช้เสียง ในการใช้อะไรก็แล้วแต่ การเรียนดนตรีมันสามารถทำให้ผมควบคุมอะไรได้หลายๆอย่าง ซึ่งมีคนบอกนะครับผมก็ไม่ได้พูดเองก็เสียงผมนี่ถ้าฟังดูก็จะรู้วาเป็นเสียงหอยแหละ เสนาหอยเนี้ยแหละ ลีลาหรืออะไรก็ผสมตอนที่ผมเรียนละครที่อักษรศาสตร์ มาผสมกับการเรียนดนตรีมันก็เลย การควบคุมในการใช้เสียงนี่มันก็เลยดี เออก็มีคนบอกว่าเป็นเอกลักษณ์ดี คือถ้าสมมติว่าเสียงเราเป็นแบบนี้ แล้วเรามามัวคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ แต่กลับกันการที่เราฝึกฝน ทำอะไรบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการเป็นพิธีกร การทำอะไรโน่นนั้นนี่ก็ก็เลยทำให้เราเป็นคนที่รู้จัการควบคุมการใช้เสียง รู้จังหวะลีลาในการใช้เสียงมากกว่าคนอื่น
Q.เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในโปรเจ็คต์ยักษ์ได้อย่างไร
H.คือตอนแรกที่พี่จิกติดต่อมาผมไม่ได้คิดครับ ไม่ได้คิดอะไรเลย ผมตอบตกลงอยู่แล้ว เพราะว่าถ้าพี่มีงานอะไรถ้าผมได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของพี่ อะไรก็ได้ เขาทำคอนเสิร์ต เขาทำอะไร เฮ้ยพี่ได้เสมอ แต่ยังไม่เคยถูกเรียกสักที ก็คือสุดท้ายแล้วมาโปรเจ็คต์นี้เขาบอกว่าเขาอยากได้เสียงผมเป็นตัวนี้เป็นตัวที่ค่อนข้างจะเป็นตัวเอกก็น่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ แต่ผมไม่ได้สำคัญที่ว่าจะต้องเป็นตัวเด่นหรือเป็นผลงานพี่จิก ประภาส ได้เป็นส่วนหนึ่งมันก็น่าจดจำ มันเป็นผลงานที่ดี เพราะเขาไม่ได้มาเป็นแค่ควบคุมมาเขียนบท มาทำดนตรีอีก เขาทำทุกอย่าง เขามาดูเวลาที่เราเรียกว่าFIRST LIPS คือการอ่านบทครั้งแรก ครั้งแรกเขาก็มานั่งฟังนะครับ เขาเทสต์หลายๆตัว ตอนเทสต์ผมเขาก็มีการเลือกจับคู่กับหลายๆคนที่น่าจะเป็นน้าเขียวหรือทศกัณฐ์เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็เลือกพี่หนุ่ม สันติสุข พอพากย์กันจริงมันเหมือนกับการพากย์ เฮ้ยผมดูเขาตั้งแต่หวานมันฉันคือเธอ ไม่เคยร่วมงานกันเลยไม่เคยจริงๆไม่เคยที่จะได้โต้ตอบ ผมว่าพี่หนุ่มสันติสุขเป็นอะไรที่สุดยอด เพราะว่าจังหวะจะโคนเรานึกว่าเอ๊ยเราจะเข้ากับเขาไหม ตอนอ่านบทปั๊บเนี้ยรู้เลยว่าสนุกแน่นอน
Q.เป็นครั้งแรกกับวิธีการทำงานที่เป็นไม่ใช่แค่การพากย์หรือการให้เสียงแต่เป็นการให้ชีวิตให้อารมณ์ความรู้สึกในตัวการ์ตูนเลยทีเดียวก่อนที่แอนิเมเตอร์จะจับคาแรคเตอร์จากการแสดงนำไปถ่ายทอดวาดเป็นการ์ตูนอีกทีหนึ่ง
H.พากย์การ์ตูนเป็นเรื่องที่สองในชีวิต แต่นี่ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกจริงๆของผมนะครับที่พากย์ไปด้วยแสดงไปด้วย ถือได้ว่าเป็นเรื่องแรกในการทำการ์ตูนที่มันมีการใช้เทคนิคอย่างผมเคยอ่านหรือดูในยูทูปนะครับในการทำแอนิเมชั่นการ์ตูนต่างๆที่เขาใช้ดาราอย่างพระเอกระดับโลกหรือนางเอกระดับโลกมาทำเป็นการ์ตูนคือเขาต้องมีอะไรไม่รู้เป็นจุดๆเป็นจุดมาร์กจุดอะไรอย่างนี้ แต่ของเรามันยังไม่ถึงขนาดนั้น คือเขาจะเอากล้องมาตั้งสักสามตัวและให้ผมอ่านบทและก็เล่นไปเลย เล่นและก็โต้ตอบกับพี่หนุ่ม สันติสุข หรือว่าอะไรอย่างนี้ ผมก็โต้ตอบไป ผมก็ต้องทำท่าว่าผมจะทำยังไงปากผมมันก็จะพูดไดอาล็อคไป โดยกล้องจะจับอยู่สามส่วนประมาณแบบว่าโคลสอัพปาก โคลสอัพตัว โคลสอัพแขนต่างๆ เพื่อที่จะไปเขียนเป็นการ์ตูน ผมก็มันจะเป็นไปได้ยังไงนะ แต่พอเขาเขียนออกมาเฮ้ยมันเหมือนตัวผมจริงๆนะ มันเหมือนตัวผม แบบว่าจุกผมเดทร็อคที่พี่จิกเขาจับคาแร็คเตอร์ของผมมาใส่ในตัวการ์ตูน และสิ่งที่สำคัญที่สุดของผมคือจุกตรงนี้ครับ จุกนี้ครับก็น่าจะเป็นเอกลักษณ์ของตัวนี้ไม่น่าเชื่อ ก็ต้องขอบคุณมากนะครับ ผมก็จะบอกลูกบอกหลานว่าตัวนี้มันคือผมจริงๆก็คงจะเป็นอะไรที่ผมจำได้ว่าเขาเอาตรงนี้ไปด้วย เขาเข้าใจว่าเอกลักษณ์มันคืออะไร
Q.แต่คิดไหมว่ากว่าการ์ตูนเรื่องยักษ์จะเสร็จสมบูรณ์ต้องใช้เวลานานขนาดนี้6ปีเลยทีเดียว
H. ผมว่าอย่างมากก็ปีหนึ่ง จริงๆนะหรือมากกว่าปีหนึ่ง แต่พอเข้าไปครั้งที่หนึ่งก็แล้วพอครั้งที่สองยังไม่เสร็จพอสามผมโดนเข้าไปพากย์ซ่อมพากย์ซ้ำ อาจจะรู้สึกว่ามันต้องเป็นการทำงานที่น่าเบื่อ ไม่ใช่ครับ ผมกลับรู้สึกว่าเขาเอาจริงนี่นาไม่ได้แบบพากย์ไปแล้วเอาไปตัดเสียงไม่ใช่ครับ วันนั้นไปสตูดิโอของเวิร์คพอยท์แค่อู้ย อึ๊ยยย เสียงแค่นี้วันหนึ่งแค่นั้นเองไม่มีเสียงพูดเลย มีแค่อูย แค่นี้ แบบเราเป็นเหมือนตัวอย่างไกด์ให้ทีมแอนิเมเตอร์เขามีอารมณ์ แล้วเขาจะได้เอาไปเขียนตัวการ์ตูนต่อ อย่างของผมแค่ประมาณสี่ปีแต่การเตรียมการน่ะหกปี เห็นพี่จิกบอกว่าเขาเตรียมงานมาเป็นปีสองปีนะ รวมของผมอีกสี่ปีน่าจะหกพอดี เป็นหนังการ์ตูนเรื่องแรกของเมืองไทยที่ใช้เรียกว่าเป็นมหากาพย์ในการใช้เวลานานมากที่สุดแล้วมั้ง แต่ผมเห็นบางช็อตแล้วผมว่าน่าจะไปทั่วโลกได้นะ เรื่องราวถ้าพูดไปถึงอย่างเรื่องรามอย่างนี้คนทั่วโลกน่าจะรู้จักคำว่าอวตารยังรู้จักเลย จริงๆแล้วผมว่าระยะเวลาหกปีไม่ได้นานเลยนะ โหมันแป๊ปเดียวเองหกปี นี่จะได้ฉายแล้วไม่น่าเชื่อ อยากดู ก็นานขนาดที่เรียกได้ว่าผมยังจำได้ว่าผมมาอ่านบทได้ครั้งแรกน้องออมสินที่เล่นเป็นน้องสนิม(หุ่นกระป๋องตัวเล็กสีชมพู)ของเรายังเด็ก ตอนนี้น่าจะมีแฟนแล้วนะครับ น่าจะแต่งงานแล้วด้วยมั้งไม่ถึงหรอกตอนนั้นยังเด็กยังถักผมเปียมาเลยชุดอนุบาล(7-8ขวบ)(หัวเราะ) ตอนนี้น่าจะเกือบสิบล่ะมั้ง13แล้วละมั้งนะครับผมว่าขนาดนั้นเลยนะครับ มันยาวนานขนาดที่น้องคนหนึ่งที่มาพากย์เป็นตัวเด็กๆเป็นน้องหนิมนะคัรบ โตเป็นสาวแล้วด้วยก็น่าจะได้เจอเร็วๆนี้
Q.ความประทับใจของแอนิเมชั่นเรื่องยักษ์ในมุมมองของพี่หอย
H. จริงๆแล้วเรื่องที่น่าประทับใจในแอนิมชั่นเรื่องยักษ์นะครับ สิ่งที่พี่จิกหยิบมามันไม่ได้เอามาทั้งเรื่องหยิบคาแร็คเตอร์หยิบเรื่องราวเอามาแล้วก็เขาเรียกว่าตีความใหม่ คือผมพากย์ไปผมรู้สึกว่า นี่มันเปลี่ยนความรู้สึก มันเปลี่ยนแง่คิดจริงๆแล้ว เวลาของมิตรภาพดีกว่าเวลาของการเป็นศัตรูซะอีก ซึ่งในเรื่องไอ้ตัวเผือกกับตัวเขียวมันไม่รู้อะไรว่าเบื้องหลังก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยเป็นศัตรูกัน แต่สุดท้ายพอมันได้ทำอะไรด้วยกันที่ช่วยเหลือกัน ผมว่ามันทำให้สองคนนี้เป็นเพื่อนกันเสร็จมันมากพอที่จะรักษาตรงนั้นมากกว่าการที่ไปรู้เรื่องราวในอดีตที่สู้กันมาตลอด สุดท้ายเชื่อว่าเด็กๆถ้าเข้าไปดูจะได้เรียนรู้ว่าเป็นมิตรดีกว่าเป็นศัตรูเยอะ คิดดีทำดีดีกว่า การเป็นศัตรูกันผมว่ามันเสียเวลา มันทำให้ชีวิตไม่มีความสุข
Q.อยากให้พี่หอยเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวของ ยักษ์
H. ก็เรื่องราวของยักษ์นะครับก็เป็นเรื่องราวที่เป็นเขาเรียกว่าเป็นหุ่นกระป๋องที่ต้องรบราฆ่าฟันกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านตัวหนุมานเอง เล่าง่ายๆตัวหนุมานจะต้องต่อสู้กันกับทศกัณฐ์ แล้วก็มีอาวุธที่แสนยานุภาพของธนูหรือแสงอะไรบางอย่างของรามนะครับยิงลงมาเพื่อที่จะล้างโลกกันเลยทีเดียว ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังรบกัน ในระหว่างนั้นหางของหนุมานปักเข้าไปตรงอกของทศกัณฐ์ ไอ้ทศกัณฐ์ก็ดำดิ่งลงไปเพื่อที่จะหลบศรของรามนะครับ หลังจากนั้นเวลาผ่านไปนะครับ จนทั้งคู่ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทั้งสองหุ่น หุ่นยักษ์กับหุ่นกระป๋อง ก็เลยตัวติดกันหางก็ติดกันอยู่ ไปไหนก็ไปด้วยกัน และก็ลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองในอดีตทั้งหมดเลย ชีวิตที่ผ่านไปก็ผจญภัยไปเรื่อยๆสุดท้ายแล้วพยายามที่จะตัดโซ่ออกจากันนะครับ ไอ้ตัวเผือกก็พยายามที่จะตัดโซ่ออกจากน้าเขียว จริงๆมันจำไม่ได้ว่าตัวเองชื่ออะไรเห็นกระป๋องอันนั้นมันขาวๆไอ้ตัวนี้เขียวๆก็เรียกน้าเขียวกับเผือก พยายามตัดโซ่กันไปพยายามยังไงก็ไม่ได้ะ และก็ได้ใช้ชีวิตด้วยกันจับผลัดจับผลูอะไรต่างๆนานา จนมิตรภาพเกิดขึ้นจนทั้งสองคนก็ลืมเรื่องราวตัดโซ่ไปในระยะหนึ่งก็มีความสุข สุดท้ายแล้วก็ทั้งสองคน คนแรกที่จำความได้ว่าตัวเองคือหนุมานที่ต้องมาฆ่าตัวๆนี้ที่ติดกับเขาอยู่ที่เป็นเพื่อนกันแล้วเนี้ยะ เหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไปก็ต้องไปดูความมันส์กัน
Q.พี่หอยเล่าให้ฟังถึงคาแรคเตอร์ของตัวหนุมานหรือเผือกหน่อยว่าเป็นไงบ้าง
H.ก็ตัวหุ่นกระป๋องเผือก คือหนุมาน จริงๆแล้วในชาติปางก่อนจะเป็นทหารเอกของรามที่เก่งกาจมากและก็ยะโส และก็เรียกว่าภูมิใจในฝีมือของตัวเองจะปราบหรือสู้กับใครก็สบายไม่ยากเย็นนัก แต่แล้วก็เกิดเหตุล้างโลกขึ้นมา พอฟื้นขึ้นมาอีกก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม คนขี้โวยวาย ขี้ทุกอย่าง และก็ไม่ได้ชอบไอ้ตัวน้าเขียวเท่าไร จะแบบเห็นเป็นคนโง่ ทึ่ม พยายามจะปัดให้ไปไกลๆ หุ่นกระป๋องยักษ์เขียวนั้นแหละ ก็ยังคงนิสัยเหมือนเดิมสุดท้ายแล้วสิ่งที่สอนเขาก็คือมิตรภาพที่ช่วยเหลือกันมากกว่า พอได้มิตรภาพเข้าไปเจ้าเผือกนี่ก็ใจอ่อนและก็เริ่มรักเริ่มผูกพันไอ้เจ้ายักษ์เขียวตัวนี้ แล้วต้องบอกเลยว่าตั้งแต่ต้นเรื่องเลยมีปล่อยแสงแซทเทิลไลท์เป็นแอนิเมชั่นที่มีสีสันและความตื่นเต้นแล้วเจ้าตัวเผือกก็จะขี้โวยวายอยู่ตลอดเวลา รับรองว่าสนุกสนานและก็มีมุขตลกมีความอารมณ์ดีมีความเสียดสีว่ากล่าวด่าทอ เป็นตัวละครที่เด็กๆน่าจะชอบและตัวหนังเรื่องนี้เองก็สนุกครับ
Q.ทราบมาว่าพี่หอยเองมีส่วนร่วมในการให้ชีวิตสร้างสีสันให้กับตัวเผือกมากๆมีเสนอนั่นโน่นนี่แชร์ไอเดียกับพี่จิกกันตลอด
H. คือจริงๆแล้วการให้ชีวิตกับตัวละครตัวนี้ต้องให้เครดิตกับพี่จิกประภาสมากกว่าที่เลือกผมมาเล่นเป็นตัวนี้ ถ้าผมไปเล่นเป็นตัวอื่นผมก็คงเล่นไม่ได้เพราะว่าไอ้ตัวเผือกหรือว่าไอ้ตัวหนุมานนี่ค่อนข้างที่จะมีนิสัยคล้ายๆผมเหมือนกัน โวยวาย ไม่อยู่นิ่ง และก็ได้ใช้เสียงอย่างอิสระ พี่จิกเขาบอกเออแบบนี้ เอาแบบนี้ตลอด พอเราเล่นมุกไปอันนี้เอา อันนี้ไม่เอาคือเราเล่นไปก่อน เราเป็นคนขยันอยู่แล้วยิงไปก่อนอันที่ไม่เอาบอก แต่ส่วนใหญ่เอานะ ก็เอาเกือบทุกอันที่เราเสนอไปหรือเขาไปตัดตอนสุดท้ายก็ไม่รู้ ก็จริงๆแล้วการที่พี่จิกมาดูมากำกับเอง เรารู้สึกสบายใจ เรารู้สึกทุ่มเทอยากจะทำอะไรเสนออะไรหลายๆอย่าง บางคำบางอะไรที่เราไม่ได้ตั้งใจมันเป็นธรรมชาติ ก็อย่างเช่น (หัวเราะ) ไม่ต้องกลัวหรอกเกิดมาเพื่อสิ่งสิ่งนี้ และก็เห็นบอกว่าเอาไปทำเป็นเพลง ก็เกิดมาเพื่อสิ่งสิ่งนี้ มันเป็นสิ่งที่ผมพูดประจำอยู่แล้วว่าไม่ต้องห่วงนะครับผมเกิดมาเพื่อสิ่งสิ่งนี้อยู่แล้วอย่างนี้ เขาก็เอาไปทำมา เกิดมา ก็ไม่รู้ว่าเป็นไอเดียที่เขาเอาไปหรือเปล่านะ คือว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปสิ่งๆนี้แสตมป์ได้เอาไปทำเป็นเพลง ไม่รู้ชื่อเพลงอะไร เพลงเกิดมาเป็นเพื่อนเธอ ขอขอบคุณด้วย แต่สิ่งที่พูดออกไปทุกอย่างมันคือธรรมชาติมากกว่า ขอบคุณมากครับก็คือใช้ชีวิตประจำวันใครมาถ่ายรูป พี่หอยเบื่อมั้ยครับ ไม่ครับ ผมเกิดมาเพื่อสิ่งสิ่งนี้ครับ
Q.ความโดดเด่นของแอนิเมชั่นยักษ์
H.ครับเรื่องงานดีไซน์อีกอย่างหนึ่งที่ผมอึ้ง ทึ่ง เสียว เลยทีเดียว เพราะว่าจริงๆแล้วรูปทรงมันเหมือนฝรั่ง แต่ว่ารายละเอียดการวาดปากหรือการวาดที่เป็นหนุมานหรือยักษ์หรืออะไรต่างๆนานๆเป็นการดีไซน์ของไทย หรือว่าอาวุธหรืออะไรที่เป็นของไทยจะมาเป็นของไทย เพราะว่าจริงๆมันไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่พอสุดท้ายมันมาและมันเป็นความเคลื่อนไหวอะไรต่างๆนานา ถ้าคนไม่สังเกตก็จะเฉยๆนะ สังเกตดีๆรายละเอียดที่เขาวาดมันจะมีความเป็นไทยอยู่สูงเลยทีเดียว สุดยอด
Q.ทำไมการ์ตูนแอนิเมชั่นยักษ์ถึงเป็นที่จับตามองว่าจะเป็นการ์ตูนที่สร้างปรากฎการณ์
H. ผมว่าการ์ตูนเรื่องยักษ์นะครับมันเป็นปรากฏหารณ์หลายๆอย่างที่ร่วมมือกันไม่ว่าจะเป็นทางสหมงคลฟิล์ม ซูเปอร์จิ๋ว บ้านอิทธิ์ฤทธิ์ และก็พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์นะครับได้มีการร่วมมือกัน ผมว่ามันน่าจะเป็นปรากฏการณ์เท่าที่ได้ฟังมานี้หรือการรอคอย ผมรอคอยมาเอ๊ะปีนี้ก็ยังไม่ฉาย ปีนี้ก็ยังไม่ฉาย คือก็สอบถามไปเหมือนกันว่าทำไมยังไม่ฉาย ก็บอกว่าพี่จิกมาดูขนาดตัวละครหรือฉากไหนไม่เวิร์คตัดออกทำใหม่ ก็ยังบอกว่าฉากนี้หกเดือนนะ ฉากนี้สี่เดือนนะ โอ้โห แกไม่สนครับ คือถ้าบางคนที่เออฉากนี้เหลือสองตัวก็พอ มีตัวละครสองตัวก็พอ ไม่ครับแกมาเป็นโขลงครับ มาแบบจัดเต็มขนาดที่เรียกได้ว่าไม่รู้ว่ามาทำไม ตอนที่ผมไปซ่อมเสียงมาฉากที่อยู่ในโรงกลึงเหล็ก และมันไม่ได้ธรรมดามันเป็นมิวสิคัลด้วยนะครับ มีการร้องเพลงด้วย ซึ่งผมก็ได้ยินมันเป็นกลิ่นไอเฉลียงเลยนะ เหมือนเฉลียงจริงๆนะแต่เป็นแบบมิวสิคคัลแบบสไตล์พี่จิกที่ชอบแต่งคำค่อนข้างคมค่อนข้างที่แบบฟังแล้วมีเนื้อหาที่น่าสนใจ ผมว่ามันยาก สมแล้วครับหกปี หกปีผมว่าเด็กที่เจริญเติบโตมาหกปีน่าจะได้ดูมัน เหมือนเป็นการข้ามวัยกันเลยที่เดียวเหมือนอย่างที่ผมเล่าว่าน้องออมสินที่เล่นเป็นน้องสนิมจากเด็กเลยตอนนี้วัยรุ่นแล้วแหละ น่าดูมาก เพราะว่าความละเอียดความพิถีพิถันน่าจะเป็นปรากฏการณ์ของเมืองไทยเลยทีเดียว
Q.ทราบว่ามีการรวบรวมศิลปินคนทำงานเก่งๆในวงการบันเทิงมาร่วมสร้างความสมบูรณ์ให้กับโปรเจ็คต์ยักษ์นี้ด้วย
H. ก็เรียกได้ว่าเป็นหนังที่รวบรวมคนเก่งๆเยอะนะครับตั้งแต่หัวเรือเราเลยนะ พี่จิก ประภาสนะ พอพี่จิกบอกจะทำอะไรเนี่ยผมว่าทุกคนพร้อมที่จะร่วมมือโดยที่ไม่ถามเรื่องเงินเรื่องอะไร บอกตรงๆว่าไม่ได้ถามอะไรเลย อย่างคนพากย์อย่างพี่หนุ่ม สันติสุข คุณโน้ส อุดม เรียกใครมาก็แล้วแต่ คุณส้มเช้ง ตั๊ก บริบูรณ์ เขาเป็นแฟนฟันธุ์แท้ทศกัณฐ์ และก็หลายคนไม่ว่าจะเป็น คุณแสตมป์ ที่จะต้องมาแต่งเพลงและก็มีRoom39มาร้องนะครับ คุณเอ็กซ์ซึ่งมาทำการ์ตูน โอ๊ยเยอะไปหมด ผมว่าทั่วฟ้าเมืองไทยดีกว่าที่เอ่ยชื่อมาต้องมาอยู่ในนี้ พี่เหมี่ยว ปวันรัตน์และก็อีกหลายๆคน ในหนังเรื่องนี้คุณจะไม่เชื่อเลยว่ามีคนพากย์ขนาดนี้เลยหรอ เขาเรียกเหมือนคามิโอ(ดารารับเชิญ)ในหนังมีแบบเจอคนโน้นเจอคนนี้แบบเซอร์ไพร์ส ต้องจับเสียงเอาเองว่าใครบ้าง ผมว่าถ้าเอ่ยชื่อมานี่ระดับต้นๆของเมืองไทยทั้งนั้นเลยครับ
Q.อยากฝากอะไรกับคนที่รอชมภาพยนตร์
H. ผมว่าการ์ตูนเรื่องนะครับผมว่ามันก็จะมีข้อคิดสำหรับเด็ก และข้อคิดสำหรับผู้ใหญ่ที่ตอนนี้กำลังทะเลาะกันอยู่ ผมว่ามิตรภาพที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นที่จะต้องมาจากครอบครัวเดียวกัน มาจากต่างเผ่าพันธุ์ที่หนุมาน ทศกัณฐ์หหรือเผือกกับเขียวที่มาคนละสายพันธุ์เลยคนละสีสันเลย มาดูที่พี่จิกเขียนหรือว่าอะไรเนี้ยะ คือคนไทยไม่ชอบหรอกมาดูหนังแล้วต้องสอน น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงนะ มันคงไม่ดีมันคงไม่สนุก แต่ว่าพี่จิกได้สอนความน่ารักความเป็นมิตรภาพ ผมว่าเด็กก็ดูได้ ผู้ใหญ่ที่กำลังทะเลาะกันก็ดูดีครับ ไปดูกันนะครับว่าการเป็นมิตรภาพมันดีกว่าการเป็นศัตรูกันแค่ไหน และอยากจะว่าดีใจและประทับใจที่เป็นส่วนหนึ่งของยักษ์ ขอบคุณพี่จิก ,เสี่ยเจียงอีกครั้งหนึ่งนะครับที่เลือกผมมาเป็นตัวนี้ ซึ่งเป็นตัวขวัญใจวัยรุ่นอย่างผมมาก หนุมานตัวนี้นะครับ ถ้าเป็นตัวอื่นก็คงจะทำไม่ได้นะครับ เพราะว่าไอ้ตัวนี้ลักษณะนิสัยตัวนี้มันค่อนข้างที่จะคล้ายผมจริงๆนะครับ ขี้โวยวาย ขี้อะไรอย่างนี้ มันเล่นได้อย่างคล่องแคล่วและลงตัว ขอบคุณมาก ดีใจกับพี่จิกด้วยนะครับสำหรับหกปีที่รอคอย คอยจนตอนแรกไม่เป็นเก๊าท์ จนตอนนี้เก๊าท์กินแล้วครับตอนนี้เข่าเริ่มมีเสียงแล้ว(หัวเราะ) หกปีเลยทีเดียว อยากจะบอกว่านี้เป็นหนังการ์ตูนไทยเรื่องแรกเทียบเท่าฮอลลีวู้ดได้เลยนะครับ ดูจากการเคลื่อนไหวจากแอนิเมชั่นทุกๆตัวและก็เอกลักษณ์ของไททยก็ยังมีอยู่ในรูปทรงของหุ่นกระป๋องทุกๆตัวนะครับ ก็ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งของพี่จิก ประภาสและยักษ์ครับ
Q.ยักษ์ตัวแรกที่พี่หอยรู้จัก
H.ยักษ์ตัวแรกที่ผมรู้จักคือยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์ เพราะตอนนั้นเป็นจัมโบ้เอกับยักษ์วัดแจ้งปะทะกับยักษ์วัดโพธิ์อะไรสักอย่าง หนุมานพบเจ็ดยอดมนุษย์ ซึ่งเจ้าแม่อุลตร้านับถือศาสนาพุทธ ผมยังเคยดูเลยผมจำได้ในหนังมีประกาศว่าเจ้าแม่อุลตร้านับถือศาสนาพุทธ (หัวเราะ) ผมว่าน่าจะวัดแจ้งกับวัดโพธิ์ ไปนวดเส้นก็วัดโพธิ์ครับ วัดโพธิ์นวดดี (หัวเราะ)
Q.ยักษ์ในความคิดของพี่หอย
H.ยักษ์ในความคิดผมคงเป็นอะไรที่น่ากลัวและมีเขี้ยวนะครับ มีถือกระบองอันหนึ่งเท่าที่ตอนเด็กจินตนาการ เพราะว่าก็ที่บอกครับได้ดูหนังเสร็จก็ไปที่วัดแจ้งกับวัดโพธิ์เลยว่ามันเหมือนเปล่าถือกระบองอันหนึ่งและมีเขี้ยวใส่ชุดเชิดๆหน่อยๆ น่ากลัว
Q.ถ้าต้องเลือกระหว่างหน้าทีมิตรภาพและความถูกต้องจะเลือกอะไร
H.ถ้าให้ต้องเลือกระหว่างหน้าที่กับมิตรภาพและความถูกต้อง จะให้เลือกอะไร น่าจะเลือกความถูกต้องมากกว่านะครับ ส่วนตัวผมเองนะความถูกต้อง และเป็นมิตรภาพที่ไม่ถูกต้องมันก็คงจะยาก ผมชอบความถูกต้อง แต่ผมว่ามันจะโอเคกว่านะครับถ้าเลือกมิตรภาพมันจะหาซื้อได้ยากกว่าครับ เพราะว่ามิตรภาพบางทีมันมาด้วยความไม่ตั้งใจ มันมาด้วยความที่มาด้วย
Q.จากศัตรูจะแปรเปลี่ยนเป็นมิตรได้ไหม
H.ผมว่าได้นะใช้หัวใจในการคิดอย่าใช้อย่างอื่น ผมว่ามิตรภาพมันมายากไหม ผมว่าก็ไม่ได้ยากนะถ้าทุกคนเปิดใจ ไม่ได้ปิดใจ
Q.เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้
H. ผมว่าเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ผมว่าเวลาหกปีนะคุณ หกปีกับความตั้งใจของคนๆหนึ่ง ผมงานไม่หนักเท่าพี่จิกเลย พี่จิกต้องดูทั้งหมดทุกๆอย่าง อันไหนไม่ได้ก็แก้ เขาบอกว่าผมจำได้นะเขาบอกว่าทำให้ลูกดู ทำให้ลูกแกดูจริงๆนี้เรื่อง เขาทำแบบว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเขาพูดอย่างนั้นจริงๆ พอหกปีปั๊บผมรู้แล้วแหละพี่ทำให้ลูกพี่ดูจริงๆ ตอนนี้ลูกพี่โตในระดับหนึ่งและก็ดูผลงานของคุณพ่อที่เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกของเมืองไทยที่เป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นที่ทำเรื่องราวของไทยเอาจับมาทำระดับฮอลลีวูดเลยนะและเป็นคนไทยทำ และมันมีลักษณะการเคลื่อนไหวอะไรไม่ต้องห่วงเลยว่าสุดยอดเลยทีเดียว ก็ไปดูทั้งเด็กและผู้ใหญ่และลูก ถ้าผู้ใหญ่ไปก็อยู่ในความควบคุมดูแลของเด็กอย่าซนอย่าลุกหนีไปไหน ดูเป็นเพื่อนลูกด้วย ผมว่าสนุกแน่นอนครับ (หัวเราะ)