กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--ทีเอ็มบี
เมื่อวันที่ 10 กันยายน สกย.เดินหน้าเป็นต้นแบบหน่วยงานรัฐแห่งแรก ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับ 2 ธนาคารชั้นนำทั้งกรุงไทยและทีเอ็มบี นำนวัตกรรมการให้บริการรับชำระเงิน Cess ทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มช่องทางการชำระเงินแก่ผู้ส่งออกยางนอกราชอาณาจักรมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม โดยจะเปิดระบบอย่างเป็นทางการในต้นปี พ.ศ.2556 ตามโครงการพัฒนาระบบรับชำระเงินสงเคราะห์ทางอิเล็กทรอนิกส์และเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของกรมศุลกากรผ่านระบบ National Single Window (NSW) ย้ำ มั่นใจระบบนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ และช่วยลดต้นทุน เวลาแก่ผู้ประกอบการ ตลอดจนลดโลกร้อนจากระบบไร้กระดาษ
นายวิทย์ ประทักษ์ใจ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง กล่าวว่า สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) เป็นหน่วยงานหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า-ส่งออก โดยการจัดเก็บค่าธรรมเนียมส่งยางออกนอกราชอาณาจักร หรือที่เรียกกันว่าเงินสงเคราะห์ (Cess) ที่ผ่านมา (14 พฤษภาคม 2553) สกย.ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับกรมศุลกากร ในการดำเนินการจัดตั้ง National Single Window หรือ NSW โดยให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องด้านนำเข้า-ส่งออกทั้ง 36 หน่วยงาน ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลจากแผนยุทธศาสตร์ พ.ศ.2550-2554 ในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ (e-logistics) เพื่อลดต้นทุนของผู้ประกอบการในการทำธุรกรรม และพัฒนาระบบให้เป็นศูนย์กลางสำหรับการให้บริการเพื่อการนำเข้า — ส่งออก และโลจิสติกส์ (Single Window Entry) ที่จะเชื่อมต่อไปยัง ASEAN Single Window (ASW) กับประเทศสมาชิกในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ต่อไป
สกย.ในฐานะที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการจัดเก็บและออกใบรับเงินสงเคราะห์ จึงเร่งผลักดันและทำโครงการพัฒนาระบบรับชำระเงินสงเคราะห์ทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการในการส่งยางออกนอกราชอาณาจักร โดยได้รับความร่วมมือจากธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ NSW ให้บริการรับหักเงินสงเคราะห์ทางอิเล็กทรอนิกส์ในครั้งนี้ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ และ ทีเอ็มบี ซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ตามระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เข้าร่วมเป็นธนาคารรับชำระเงินสงเคราะห์ ในการเชื่อมโยงข้อมูล และแลกเปลี่ยนข้อมูลการชำระเงินสงเคราะห์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่าง สกย. — ผู้ส่งยางออก หรือตัวแทนออกของ — ธนาคาร ผ่านระบบ NSW ของกรมศุลกากร โดยระบบ NSW จะช่วยลดระยะเวลาในการเดินเอกสาร ลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม และลดจำนวนเอกสารแบบฟอร์มที่ใช้เป็นระบบไร้กระดาษ (Paperless) ตลอดจน เป็นการเพิ่มศักยภาพในการจัดเก็บเงินสงเคราะห์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ระบบการทำงานมีความรวดเร็วและป้องกันความผิดพลาดได้มากยิ่งขึ้น ตั้งแต่กระบวนการรับชำระเงินสงเคราะห์ กระบวนการตรวจสอบข้อมูลผู้ประกอบการยื่นผ่านระบบ เช่น ข้อมูลผู้ประกอบการ ข้อมูลยางพาราที่ต้องการส่งออก (ชนิดยาง น้ำหนัก พิกัดสินค้า) จำนวนเงินสงเคราะห์ที่ผู้ประกอบการต้องชำระ
นายวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการในระยะแรก สกย. จะสามารถเปิดให้บริการรับชำระเงินสงเคราะห์ทางอิเล็กทรอนิกส์ในเวลาราชการ โดยคาดว่าจะเปิดใช้ระบบอย่างเป็นทางการในต้นปี พ.ศ. 2556 ในระหว่างนี้ อยู่ในช่วงการทดสอบระบบการให้บริการ โดยมีบริษัทผู้ส่งออกยางพาราชั้นนำร่วมนำร่องทดสอบระบบ อาทิ บ.ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) บ.สหพารารับเบอร์ จำกัด บ.โอเรียลตัล รับเบอร์ โปรดักส์ จำกัด และบ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) และในปีพ.ศ. 2557 สกย.ได้วางแผนจะเปิดให้บริการระบบตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วัน
ทั้งนี้ “สกย. ถือเป็นต้นแบบการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจรระหว่าง รัฐต่อรัฐ รัฐต่อธุรกิจ และธุรกิจต่อธุรกิจ ซึ่งเป็นองค์กรรัฐแห่งแรกที่ได้ดำเนินการตามหลักการของโครงการพัฒนาระบบรับชำระเงินสงเคราะห์ทางอิเล็กทรอนิกส์และเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมศุลกากรผ่านระบบ National Single Window (NSW) ได้สำเร็จและเป็นรูปธรรม” นายวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย
คุณธีรินทร์ เต่าทอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่ม กลุ่มรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์และโครงการภาครัฐ บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า ในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินแก่องค์กรภาครัฐทั้งหน่วยงานราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ มาเป็นระยะเวลานาน ความร่วมมือกับ สกย.ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่ธนาคารได้รับความไว้วางใจจาก สกย. ด้วยความมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกอบการส่งออกยางตามวัตถุประสงค์ของ สกย. ด้วยการพัฒนาช่องทางรับชำระเงินสงเคราะห์ ผ่านช่องทาง Electronic Banking บนระบบหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ ซึ่งเป็นบริการที่มีความปลอดภ้ยตามมาตรฐานสากล สามารถทำธุรกรรมได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนั้นธนาคารกรุงไทยได้พัฒนาเพิ่มเติมในส่วนของการเชื่อมต่อข้อมูลการชำระเงินสงเคราะห์กับ NSW ของกรมศุลกากร เพื่อให้กระบวนการดำเนินธุรกรรมชำระเงินสงเคราะห์ของผู้ส่งออกยางตั้งแต่เริ่มต้นจนจบขั้นตอนอยู่ในรูปแบบไร้เอกสารอย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่การยื่นคำขอชำระเงิน การคำนวณเงินสงเคราะห์ การหักบัญชีผู้ส่งออกยางเพื่อชำระเงินสงเคราะห์ ตลอดจนการออกเลขที่ใบรับเงินสงเคราะห์เพื่อบันทึกลงในใบขนสินค้าเพื่อดำเนินการพิธีการศุลกากรของผู้ส่งออกยาง ช่วยลดกระบวนการทำงานทั้งระบบเพื่อแก้ปัญหาการทำงานซับซ้อนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านเวลาและค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี และช่องทางดังกล่าวจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ธนาคารมุ่งมั่นในการพัฒนาเพื่อให้สามารถสนองตอบการเชื่อมต่อระบบเศรษฐกิจในระดับอาเซียน
นอกจากนั้น ธนาคารกรุงไทยได้เปิดให้บริการรับชำระเงินสงเคราะห์ผ่านช่องทางอื่นๆ คือ เคาน์เตอร์ธนาคาร และ Internet Banking (บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล) รวมถึงให้บริการรับชำระเงินสงเคราะห์ด้วยบัตร KTB e-Logistics Card ผ่านเครื่อง EDC ที่สำนักงานของ สกย. อีกด้วย ซึ่งทั้ง 3 ช่องทางในการให้บริการ สกย. มีความประสงค์ให้เป็นทางเลือกแก่ผู้ประกอบการในการชำระเงินสงเคราะห์แก่ สกย. เพื่ออำนวยความสะดวก และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยปัจจุบัน สกย. ใช้บริการกับธนาคารกรุงไทยเป็นแห่งแรกและแห่งเดียว ธนาคารกรุงไทยขอให้คำมั่นว่า จะมุ่งมั่นพัฒนาระบบงานการทำธุรกรรมทางการเงินเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของ สกย. และ ผู้ประกอบการส่งออกยางให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องตลอดไป คุณธีรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย
ด้านคุณวีระชัย อมรรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจการค้าต่างประเทศและธุรกิจหลักทรัพย์ ทีเอ็มบี กล่าวว่า จากแนวคิด Make THE Difference ที่เป็นหลักในการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินของทีเอ็มบี เพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้าทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ ปัจจุบัน ธนาคารได้ก้าวมาสู่จุดของการมอบอำนาจทางการเงินให้กับลูกค้า (Empowering Business Customers) ซึ่งหมายถึงธนาคารได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าได้รับความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยที่ลูกค้าสามารถเลือกผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ให้ธุรกิจของตนได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ทั่วไป เช่นเดียวกับบริการรับชำระเงินค่าธรรมเนียมการส่งยางออกนอกราชอาณาจักรทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Cess ซึ่งทีเอ็มบีเป็นแห่งแรกที่ได้ทำการศึกษาและพัฒนาโดยความร่วมมืออย่างดียิ่งของสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง และกรมศุลากากร เพื่อให้บริการ E-Cess ผ่านระบบ NSW ซึ่งทีเอ็มบีมีความมั่นใจว่าจะสามารถเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย เป็นต้นไป บริการดังกล่าวนี้เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ส่งออกยางนอกราชอาณาจักร เพราะจะทำให้ผู้ส่งออกยางได้รับความสะดวก รวดเร็ว ช่วยลดการจัดการด้านเอกสารและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำป็นลง ธนาคารจะรับชำระค่าธรรมเนียมหรือที่เรียกว่าเงินสงเคราะห์โดยการหักเงินจากบัญชีของผู้ส่งออกยางผ่านระบบหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติของธนาคารในเวลาทำการปกติ หรือทำรายการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน และระบบจะนำเข้าบัญชีของสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางต่อไป
ความร่วมมือในครั้งนี้ นับว่าเป็นการพัฒนาด้านการบริการแบบบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้นำเข้า-ส่งออกยาง ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศให้มีความสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเป็นการวางรากฐานทั้งเทคโนโลยี ระบบโลจิสติกส์ และการบริหาร เพื่อรองรับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในอนาคตอันใกล้