ฟินันซ่า ออกกองทุนตราสารหนี้ roll over เน้นลงทุนต่อเนื่องทุก 3 เดือน ประมาณการผลตอบแทน 3.15% ต่อปี

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 12, 2012 10:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--บลจ.ฟินันซ่า นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด จำกัด ประเมินแนวโน้มการลงทุนหลังแถลงของประธาน ECB เรื่องการออกโครงการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลประเทศที่ประสบกับวิกฤตหนี้ (OMT) พร้อมกับการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของสเปนและอิตาลีดิ่งลงทันที คาดว่าจากนี้ ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศเกิดใหม่จะปรับอัตราผลตอบแทนลงเพราะธนาคารกลางประเทศเหล่านั้นอาจจะปรับลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้น นักลงทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ควรลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ณ ขณะนี้ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะลดดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส โรล โอเวอร์ 3เดือน1 (FAM FIPR 3M1) จะเปิดเสนอขายตั้งแต่ 12-19 กันยายน 2555 นี้ ด้วยประมาณการผลตอบแทนที่ 3.15% ต่อปีสำหรับการลงทุน 3 เดือน โดยสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท นักลงทุนสามารถใช้ช่องทางการลงทุนใหม่ล่าสุดของบริษัทโดยซื้อกองทุนผ่านระบบอินเตอร์เนตได้ที่ศูนย์บริการเคทีซี ทัช 14 สาขา สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02 352-4050 FAM FIPR 3M1 เป็น specific fund หรือกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน มีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน และ/หรือ เงินฝาก ของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) โดยในครั้งนี้เราจะลงทุนในเงินฝากธนาคารต่างประเทศ สกุลเงิน USD หรือ CNY กับธนาคาร BOC, Macao,ธนาคาร CIMB, Niaga, Indonesia, ธนาคาร SCBT, HK หรือ เงินฝากสกุลเงิน AED กับ ธนาคาร Abu Dhabi Commercial bank ,UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank, UAE (P-1), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ** ตั๋วแลกเงิน บจ. ธนบรรณ (BBB) ตราสารหนี้ บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+), บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+)หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB+ขึ้นไป*** ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เราจะเปิดให้มีการซื้อและขายคืนหน่วยลงทุน ทุก ๆ 3 เดือนโดยประมาณ นับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้นในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชนและ/หรือ เงินฝาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคาร ในระยะเวลานานประมาณ 3 เดือนสำหรับการลงทุนแต่ละรอบ กองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศซึ่งเราจะทำการการป้องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน สำหรับรอบการลงทุนของการสั่งซื้อหน่วยลงทุนครั้งที่ 2 อัตราผลตอบแทนโดยประมาณเท่ากับ 3.15 % ต่อปี ซึ่งคำนวณจากการลงทุน สำหรับรอบระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ตราสารที่ลงทุน*** ผลตอบแทนของตราสารในรูปสกุลเงินบาทโดยประมาณ (ต่อปี) สัดส่วนการลงทุนโดยประมาณ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในรูปสกุลเงินบาทโดยประมาณ (ต่อปี) ระยะเวลาการลงทุนโดยประมาณ เงินฝากธนาคารต่างประเทศ สกุลเงินUSD หรือ CNY กับธนาคาร BOC,Macao,ธนาคาร CIMB,Niaga,Indonesia, ธนาคาร SCBT, HK หรือ เงินฝากสกุลเงิน AED กับ ธนาคาร Abu Dhabi Commercial bank ,UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank,UAE(P-1), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ** 3.28%* 44.00% 1.44% 3 เดือน ตั๋วแลกเงิน บจ.ธนบรรณ(BBB) 4.00% 22.00% 0.88% 3 เดือน ตราสารหนี้ บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+), บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+)หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB+ขึ้นไป*** 3.30% 33.50% 1.10% 3 เดือน ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 2.98% 0.50% 0.01% 3 เดือน ประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุน (ต่อปี) (0.28%) อัตรารับซื้อคืนโดยประมาณ (ต่อปี) 3.15% - หมายเหตุ: * โดยอัตราผลตอบแทนที่เสนอโดยผู้ออกตราสารและมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน USD หรือ CNY หรือ AED เป็นเงินบาทแล้ว(ข้อมูล ณ วันที่ 6 กันยายน2555) - ** เงินฝากธนาคารออมสิน หรือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ตั๋วเงิน หรือ หุ้นกู้ ธนาคารเกียรตินาคิน,ธนาคารไอซีบีซี(ไทย), ธนาคารทิสโก้,ธนาคารทหารไทย,ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย,ธนาคารกรุงไทย,บริษัททุนธนชาต,ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 6 กันยายน 2555 ) - ***ตั๋วแลกเงินหรือหุ้นกู้ เช่น หุ้นกู้ ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา , บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+), บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+), บมจ.แสนสิริ (BBB+), บมจ.เอสซี เอสเซท (BBB+), บมจ. ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+), บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (A), บมจ.เอเชียน พร็อพเพอร์ตี ดีเวลล็อปเมนต์ (A), บมจ. ศุภาลัย (A-), บมจ.ภัทรลีสซิ่ง (A-), บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (A-), บมจ. สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (A-), บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ลิส (A+), บมจ.พฤกษา (A), บมจ. ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (A), ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) - หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป หรือผลการประมูลของตราสารไม่เป็นไปตามที่กำหนด ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ประมาณการไว้ - ทั้งนี้ ตราสารที่ลงทุน สัดส่วนการลงทุน และประมาณการค่าใช้จ่าย อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ หากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป หรือตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร - กองทุนจะถือทรัพย์สินที่ลงทุนตลอดรอบการลงทุนแต่ละรอบ 3 เดือนโดยประมาณ - หากผู้ถือหน่วยไม่ส่งคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุนมาภายในวันและเวลาที่กำหนดในการเปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุน บริษัทจัดการจะถือว่าผู้ถือหน่วยลงทุนประสงค์ที่จะลงทุนต่อไปในรอบการลงทุนถัดไป - บริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงตราสารที่ลงทุน สัดส่วนการลงทุนและประมาณการค่าใช้จ่าย สำหรับการลงทุนในแต่ละรอบทุก 3 เดือนโดยประมาณ โดยไม่ถือเป็นการแก้ไขโครงการ โดยจะแจ้งรายละเอียดการลงทุนดังกล่าว ในหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปและหรือเว็บไซด์ของบริษัทจัดการ ให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้า - การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน - การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน ผู้ลงทุนควรลงทุนในกองทุนเมื่อเห็นว่าการลงทุนในกองทุนนี้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตนและผู้ลงทุนยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนได้ - ในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติ ผู้ลงทุนอาจได้รับชำระเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน - ในกรณีที่กองทุนนี้ไม่สามารถดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องได้ ผู้ลงทุนอาจไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามที่มีคำสั่งไว้ - เนื่องจากกองทุนนี้ลงทุนในต่างประเทศบางส่วน จึงมีความเสี่ยงที่ทางการของต่างประเทศอาจออกมาตรการในภาวะที่เกิดวิกฤตการณ์ไม่ปกติ ทำให้กองทุนไม่สามารถนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับคืนเงินตามระยะเวลาที่กำหนด - กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาถึงปัจจัยต่างๆ ที่อาจมีผลกระทบอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน - กองทุนจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน (Fully Hedged) - ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนให้เข้าใจและควรเก็บหนังสือชี้ชวนไว้เป็นข้อมูลเพื่อใช้อ้างอิงในอนาคต และเมื่อมีข้อสงสัย ให้สอบถามผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนให้เข้าใจก่อนซื้อหน่วยลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ