กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--การบินไทย
“การบินไทย” พร้อมเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค ยินดีรับสายการบินพันธมิตร ร่วมใช้ไทย เป็นฮับสู่เอเชีย ระบุหากสนามบินสุวรรณภูมิเปิด ไทยจะเป็นฮับที่มีศักยภาพ และเป็นจุด เชื่อมเส้นทางบินจากยุโรปสู่เอเชียแปซิฟิก พร้อมเตรียมเสริมทัพปรับยุทธศาสตร์การบิน ปรับปรุง เส้นทาง-ตารางบินเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศอื่นๆ ยันพร้อมแข่งขันบนมาตรฐาน เดียวกัน
นายวัลลภ พุกกะณะสุต ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจากการที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ให้นโยบายที่จะให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ไปดำเนินการวางยุทธศาสตร์ของการบินไทย เพื่อรองรับการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิในปี 2549 ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาค (ฮับ) และการบินไทยจะได้ประโยชน์จากการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และการเปิดเสรีการบินเนื่องจากไทยตั้งอยู่ในจุดเชื่อมจากยุโรปสู่เอเชียแปซิฟิก ซึ่งการแข่งขันของการบินไทยในฐานะสายการบินแห่งชาติ ในขณะนี้ได้กำหนด ทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น การปรับปรุงวิธีการทำงาน ปรับปรุงเส้นทางบินตารางการบิน การเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การบินกับประเทศอื่นๆ
นายวัลลภกล่าวต่อว่า เมื่อประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการบิน ก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะรับการแข่งขันที่จะมีมากขึ้น ทั้งกับสายการบินพันธมิตร (Star Alliance) และสายการบินอื่นๆ ในขณะเดียวกัน ขณะนี้ทุกสายการบินกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤติค่าน้ำมัน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงสุด นอกเหนือจากค่าแรงงาน ส่งผลให้สายการบินต่างๆ ต้องกำหนดมาตรการเพิ่มค่า Fuel Surcharge เพื่อการอยู่รอด โดยไม่ต้องเพิ่มราคาขายเพราะจะเป็นการเพิ่มภาระให้แก่ผู้โดยสาร แต่ขณะนี้มีสายการบินบางราย เช่น สิงคโปร์แอร์ไลน์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มพันธมิตร Star Alliance กับการบินไทยได้กำหนด Fuel Surcharge ต่ำกว่าสายการบินอื่นๆ มาเป็นกลไก ในการแข่งขันทางการตลาด ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมในการแข่งขันทางธุรกิจ และขัดต่อจรรยาบรรณของ Board of Airline Representative (BAR) ซึ่งเป็นชมรมที่สายการบินต่างๆเป็นสมาชิก และมีหน้าที่กำหนดราคา ควบคุมจรรยาบรรณของสายการบินและตัวแทนจำหน่าย (Travel Agents) ให้มีมาตรฐานเดียวกันตลอดจนมีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของแต่ละสายการบิน และผู้บริโภค การที่สิงคโปร์แอร์ไลน์กระทำเช่นนี้ การบินไทยคิดว่าเป็นการซ้ำเติมธุรกิจการบินด้วยกัน
ในส่วนของการเชื่อมโยงจุดยุทธศาสตร์การบินนั้น การบินไทยได้เพิ่มเส้นทางบินโดยจะเปิดบินตรงสู่ กรุงมอสโคว์ เมืองหลวงของประเทศรัสเซีย สัปดาห์ละ 3 วัน ซึ่งจะเริ่มทำการบินตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ และจะเปิดบินตรงสู่กรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงของปากีสถาน สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมนี้ ทั้งนี้การเปิด 2 เส้นทางบินใหม่นี้จะเป็นการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อการบินไทย และประเทศไทยอย่างยิ่ง และเป็นแนวทางการแข่งขันที่ดีกว่าการแข่งขันกันด้านราคาและการลดค่า Fuel Surcharge ตามที่กล่าวข้างต้นซึ่ง สร้างความไม่เป็นธรรมให้แก่วงการธุรกิจการบิน
ฝ่ายส่งเสริมการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน)
โสรยา พงษ์ประยูร โทร.01-697-9100
พรมสันต์ จิตรนาศิลป์ โทร.01-562-7360--จบ--