กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--ไอบีเอ็ม ประเทศไทย
ไอบีเอ็มแนะนำสตอเรจอัจฉริยะ เร่งผลักดัน Smarter Computing ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพให้กับระบบสตอเรจและระบบประมวลผลด้านเทคนิค ซึ่งเป็นกลจักรที่ขับเคลื่อน Big Data ภายใต้โครงการ Smarter Computing ไอบีเอ็มประกาศกลยุทธ์ในการออกแบบและจัดการโครงสร้างพื้นฐานสตอเรจ ด้วยระบบงานอัตโนมัติและระบบอัจฉริยะที่เหนือกว่า รวมถึงส่วนปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับระบบสตอเรจสำคัญๆ และชุดโซลูชั่น Tivoli Storage Productivity Center พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ชุดแรกสุดที่รวมซอฟต์แวร์ที่ไอบีเอ็มได้พัฒนาต่อยอดหลังจากที่เข้าซื้อกิจการของ Platform Computing เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถใช้ระบบประมวลผลด้านเทคนิคเพื่อให้ได้รับผลลัพธ์รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยใช้แอพพลิเคชั่นที่ต้องการทรัพยากรประมวลผล เพื่อประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล
นายสุรฤทธิ์ วูวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ธุรกิจคอมพิวเตอร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “องค์กรต่างๆ ต้องรับมือกับข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในแง่ของปริมาณ และความซับซ้อน โซลูชั่นระบบและสตอเรจรุ่นปรับปรุงที่เปิดตัวในวันนี้เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ สมรรถนะ และความชาญฉลาด สามารถรองรับบิ๊กดาต้าได้อย่างเหมาะสม นับเป็นระบบประมวลผลอัจฉริยะที่จะช่วยให้ลูกค้าจัดระเบียบและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างเหนือชั้น เพื่อให้เข้าใจลูกค้าได้อย่างถ่องแท้และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว”
สตอเรจอัจฉริยะจากไอบีเอ็มเพื่อการประมวลผลอย่างชาญฉลาด
การสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสตอเรจ เพื่อปรับปรุงขีดความสามารถในการตอบ สนองต่อความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และธุรกิจ นับว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการดำเนินงานในระยะยาวของทุกองค์กร โดยจะต้องใช้แนวทางที่ชาญฉลาดในการจัดเก็บข้อมูล และแนวทางที่ว่านี้จะต้องใช้ระบบงานอัจฉริยะแบบอัตโนมัติเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ การใช้ประโยชน์ และสมรรถนะของระบบสตอเรจ ควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่าย
ไอบีเอ็มและไอดีซีได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารฝ่ายสารสนเทศหรือซีไอโอกว่า 300 คนทั่วโลก และพบว่าบริษัทที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดใช้งบประมาณกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ไปกับโครงการใหม่ๆ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปฏิรูปธุรกิจด้วยการปรับใช้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น เวอร์ช่วลไลเซชั่น, การขจัดข้อมูลซ้ำซ้อน (De-duplication), การแบ่งระดับชั้นของข้อมูลโดยอัตโนมัติ และการจัดทำแคตตาล็อก ผู้บริหารฝ่ายไอทีจึงสามารถลดระยะเวลาที่สถาปนิกระบบต้องใช้ในการกำหนดค่าสตอเรจได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทั้งลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์
เนื่องจากไอบีเอ็มต้องจัดการข้อมูลของลูกค้ามากกว่า 256 เพทาไบต์ ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้พัฒนาชุดผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และวันนี้ไอบีเอ็มได้ประกาศแนวทางที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีดังกล่าว นั่นคือ IBM Smarter Storage แนวทางที่ว่านี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถออกแบบโครงสร้างพื้นฐานสตอเรจที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น การบีบอัดข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Real-time Compression) และการแบ่งระดับชั้นของข้อมูลโดยอัตโนมัติ (Automated Tiering) เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นจากระบบสตอเรจ ทั้งยังทำงานได้เร็วขึ้น แต่เสียค่าใช้จ่ายน้อยลง
เพื่อพัฒนาต่อยอดจากโครงการนี้ ไอบีเอ็มได้เปิดตัวส่วนปรับปรุงสำหรับผลิตภัณฑ์สำคัญๆ ตัวอย่างเช่น มีการเพิ่มเติมเทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลแบบเรียลไทม์ไว้ใน IBM Storwize V7000 รวมถึง IBM System Storage SAN Volume Controller (SVC) ซึ่งเป็นระบบสตอเรจเวอร์ช่วลไลเซชั่นที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรม
ขณะที่ระบบสตอเรจรุ่นเก่าบีบอัดเฉพาะข้อมูลที่มี “กิจกรรมน้อย” หรือข้อมูลที่ไม่ค่อยมีการเข้าถึง แต่เทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลแบบเรียลไทม์บนระบบ Storwize V7000 และ SVC จะบีบอัดข้อมูลที่ใช้งานอยู่มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลโดยรวมได้มากถึง 5 เท่า นอกเหนือจากเทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลแบบเรียลไทม์แล้ว ไอบีเอ็มยังได้เพิ่มเติมการสนับสนุนระบบคลัสเตอร์แบบ four-way สำหรับระบบ Storwize V7000 block ซึ่งสามารถเพิ่มความจุสูงสุดของระบบเป็น 960 ไดรฟ์ หรือเท่ากับ 1.4 เพทาไบต์เลยทีเดียว
พร้อมกันนี้ ไอบีเอ็มได้เพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะให้กับระบบอื่นๆ เช่นกัน รวมถึง:
IBM System Storage DS3500 ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษสำหรับองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และ DCS3700 ซึ่งมีความจุสูง เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมการประมวลผลประสิทธิภาพสูง และประกอบด้วยฟีเจอร์ Enhanced FlashCopy ที่รองรับสแน็ปช็อตได้มากขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการแบ็คอัพข้อมูล พร้อมเทคโนโลยี Thin Provisioning ซึ่งเพิ่มขีดความสามารถในการใช้ดิสก์สตอเรจ ควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่ายทางด้านสตอเรจ ด้วยการสำรองแหล่งสตอเรจที่ไม่ได้ใช้งานไว้สำหรับแอพพลิเคชั่นต่างๆ โดยขึ้นอยู่กับความจำเป็นIBM Tape System Library Manager (TSLM) คือซอฟต์แวร์ใหม่ที่ขยายและเพิ่มความสะดวกในการใช้งานเทปไลบรารี IBM TS3500 โดยลูกค้าจะสามารถตรวจสอบไลบรารีหลายเครื่องได้อย่างครบวงจรจากส่วนควบคุมเดียว ซอฟต์แวร์ TSLM ทำงานร่วมกับไดรฟ์และสื่อบันทึกข้อมูลระดับองค์กรและ LTO หลากหลายรุ่น เพื่อจัดเก็บข้อมูลไว้ในเทปชุดเดียว ซึ่งสามารถจัดการได้จากระบบส่วนกลางโดยใช้ IBM Tivoli Storage ManagerIBM Linear Tape File System (LTFS) Storage Manager คือซอฟต์แวร์ใหม่ที่ทำหน้าที่จัดการวงจรการใช้งานของไฟล์มัลติมีเดีย เช่น ไฟล์วิดีโอขนาดใหญ่ สำหรับลูกค้าที่ใช้เทปไลบรารี IBM LTO 5 และ LTFS Library Edition ของไอบีเอ็ม ด้วยเหตุนี้จึงสามารถลดค่าใช้จ่ายสำหรับใบอนุญาตใช้งานวิดีโออาร์ไคฟ์ได้อย่างมาก รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในส่วนของวิดีโอเทปคาร์ทริดจ์ส่วนปรับปรุงใหม่สำหรับชุดซอฟต์แวร์ IBM Tivoli Storage Productivity Center (TPC) จะช่วยให้องค์กรต่างๆ ปรับปรุงการจัดการสตอเรจสำหรับข้อมูลขนาดใหญ่หรือบิ๊กดาต้า ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานผ่านเว็บ TPC จะสามารถปรับปรุงขีดความสามารถของผู้จัดการฝ่ายไอทีในการตรวจสอบและจัดการโครงสร้างพื้นฐานสตอเรจ และล่าสุด TPC สามารถผนวกรวมเข้ากับ IBM Cognos ซึ่งประกอบด้วยฟีเจอร์ด้านการรายงานและการสร้างแบบจำลอง โดยลูกค้าจะสามารถสร้างรายงานคุณภาพสูงแบบปรับแต่งตามความต้องการได้อย่างง่ายดายเพื่อปรับปรุงการตัดสินใจ ชุดแพ็คเกจ TPC ประกอบด้วยความสามารถด้านการจัดการ การค้นหา การกำหนดค่า ประสิทธิภาพ และการรีพลิเคตข้อมูลอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ในไลเซนส์เดียวนอกเหนือจากส่วนปรับปรุงใหม่ๆ เหล่านี้แล้ว ไอบีเอ็มมีแผนที่จะพัฒนาต่อยอดแนวทาง Smarter Storage ในอนาคต ด้วยการขยายความสามารถ IBM Easy Tier ไปสู่ไดรฟ์ SSD ในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมต่อโดยตรง เพื่อช่วยให้ลูกค้าโยกย้ายข้อมูลระหว่างระบบดิสก์และเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างสอดคล้องกัน ทั้งนี้ IBM Easy Tier จะย้ายข้อมูลไปยังพื้นที่จัดเก็บที่เหมาะสมที่สุดโดยอัตโนมัติ ทั้งในส่วนของฮาร์ดดิสก์และไดรฟ์ SSD หลากหลายระดับ โดยขึ้นอยู่กับกิจกรรมและนโยบายที่กำหนด
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: จินรี ตัณมณี ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
โทร. 02 273 4676 chinnare@th.ibm.com http://www.facebook.com/IBMThailand