MovieLooper : ทะลุเวลา อึดล่าอึด

ข่าวบันเทิง Monday September 17, 2012 17:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--สหมงคลฟิล์ม ประเภท Action / Sci-fi กำหนดฉาย 11 ตุลาคม 2012 บริษัทจัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์ อำนวยการสร้าง เจมส์ ดี สเติร์น (An Education, Lord of War, The Brothers Bloom) กำกับ/เขียนบท ไรอัน จอห์นสัน (Brick, The Brothers Bloom) นำแสดง โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์ (Inception, 500 Days of Summer, 50/50) บรูซ วิลลิส (Die Hard 1,4, Red, Surrogates) เอมิลี่ บลันท์ (The Adjustment Bureau, The Devil Wears Prada) พอล ดาโน่ (Little Miss Sunshine, There Will Be Blood) เนื้อเรื่อง จะทำยังไงถ้าคนที่คุณต้องฆ่า คืออนาคตของตัวคุณเอง? ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ไซไฟไอเดียบรรเจิด การพบกันครั้งแรกของสองนักแสดงยอดฝีมือต่างยุค โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์ ที่เพิ่งมีผลงานใน 50/50 และหนังแอ็คชั่นคุณภาพ Inception และ บรูซ วิลลิส พระเอกคนอึดจาก Die Hard 1-4 และ Red เมื่อ โจ (โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์) ทำงานให้กับแก๊งมาเฟียในโลกอนาคต เขาถูกเรียกว่า “ลูปเปอร์” มีหน้าที่ในการกำจัดเป้าหมายที่ถูกส่งตัวข้ามเวลากลับมา แต่แล้วเป้าหมายรายล่าสุดของเขาก็คือ โจ (บรูซ วิลลิส) ตัวเขาเองในโลกอนาคต ทำให้ โจ วัยหนุ่มและวัยเก๋าต้องร่วมกัน เพื่อค้นหาว่าทำไมพวกเขาถึงกลายเป็นเป้าสังหารของแก๊งค์มาเฟียแห่งโลกอนาคต Looper เป็นผลงานการเขียนบทและกำกับของ ไรอัน จอห์นสัน (Brick, The Brothers Bloom) อำนวยการสร้างโดย เจมส์ ดี สเติร์น (An Education, Lord of War) โดยได้ทีมงานคุณภาพเข้ามาร่วมงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผู้กำกับภาพ สตีฟ เย็ทลิน (Brick, Love & Other Impossible Pursuits), ผู้ออกแบบงานสร้าง เอ็ด เวอร์โรห์ (Jurassic Park III, GI Joe: The Rise of Cobra), ผู้ตัดต่อภาพ บ็อบ ดั๊กเซย์ (The Mummy, GI Joe: The Rise of Cobra) และควบคุมเทคอัพเอฟเฟ็คโดย คาสุฮิโร ทสึจิ (The Curious Case of Benjamin Button, Planet of the Apes) จุดเริ่มต้นการสร้าง นักฆ่าชื่อ โจ (โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์) พบว่าเป้าหมายต่อไปของเขาก็คือตัวเองในอนาคต (บรูซ วิลลิส) ใน Looper ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ไซไฟที่พูดถึงการเดินทางข้ามเวลา ผลงานของผู้กำกับ-เขียนบท ไรอัน จอห์นสัน เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 2044 ที่การเดินทางข้ามเวลายังไม่ถูกคิดค้นขึ้น แต่ในอีก 30 ปีต่อจากนี้ มันก็ถูกใช้โดยแก๊งค์มาเฟียเพื่อประโยชน์อย่างเดียว กอร์ดอน-เลวิตต์ ขยายความว่า "พวกแก๊งค์มาเฟียใช้มันเพื่อกำจัดคน โดยพวกเขาจะส่งคนกลับมายังในอดีต โดยจะมีนักฆ่าที่เรียกว่า ลูปเปอร์ คอยอยู่เพื่อสังหารและจำกัดร่าง" แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อ โจ ปล่อยให้เป้าหมายรายล่าสุดหนีไป บรูซ วิลลิส ที่รับบทเป็น โจ ในอีก 30 ปีข้างหน้าอธิบายว่า "มันเรียกว่าการ “ปิดห่วง” โดยเมื่อคุณเลือกเป็น ลูปเปอร์ แล้ว คุณก็ต้องจัดการเป้าหมายโดยไม่มีข้อแม้ แต่แล้วเขาก็ปล่อยให้ตัวเองหนีไป มันเกิดขึ้นไม่บ่อย เพราะปกติแล้วตัวคุณในอนาคตจะมีถุงคลุมหัว ถูกมัดมือ และปิดปาก คุณก็จะยิงโดยไม่มีทางรู้ว่าฆ่าตัวเองในอนาคต แต่ตัวละครของผมปรากฏตัวต่อหน้า โจ วัยหนุ่มโดยไม่มีอะไรคลุมหัว และนั่นก็ทำให้เขาลังเล" Looper เป็นการร่วมงานกันอีกครั้งระหว่าง กอร์ดอน-เลวิตต์ กับ จอห์นสัน ที่กลายเป็นเพื่อนกันนับตั้งแต่ Brick เมื่อหลายปีก่อน กอร์ดอน-เลวิตต์ เล่าว่า "ไรอัน และผมรู้จักกันมากว่าสิบปี ไม่นานหลังจากพวกเราถ่ายทำเรื่อง Brick เขาก็เริ่มพูดถึงไอเดียของเรื่อง Looper เขาบอกว่ากำลังเขียนบทโดยให้ผมเป็นตัวละครนำ ซึ่งเป็นครั้งแรกของผมในฐานะนักแสดง สำหรับผมแล้วนี่ถือเป็นเกียรติมาก" ไรอัน จอห์นสัน เสริมต่อว่า "ผมและ โจ คุยกันเกี่ยวกับ Looper เป็นครั้งแรก หลังจากที่เราถ่ายทำ Brick ตอนนั้นมันเป็นเพียงแค่ไอเดียคร่าวๆ สิ่งที่ทำให้ผมชอบเกี่ยวกับโปรเจ็คนี้ก็คือ สถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของ โจ เขารู้ดีว่าในอนาคตตัวเองต้องลงเอยยังไง และเขาก็ต้องเลือกว่าตัวเองจะเดินไปในเส้นทางไหน" ตัวละครของ วิลลิส มีแรงขับเคลื่อนจากโลกในอนาคตที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ถ้าโลกในปี ค.ศ. 2040 สิ่งต่างๆดูย่ำแย่และผิดแผกออกไปแล้ว โลกในปี ค.ศ. 2070 ก็ถูกกลุ่มอาชญากรควบคุมโดยสมบูรณ์แบบ วิลลิส เล่าว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างถูกควบคุมโดยคนที่ชื่อว่า เดอะ เรนเมคเกอร์ เขาเป็นคนอออกคำสั่งจัดการกับเป้าหมาย แต่ โจ รู้ว่า เรนเมคเกอร์ อยู่ที่ไหนในเส้นเวลาของ โจ วัยหนุ่ม ดังนั้นเมื่อผมย้อนเวลากลับมา ผมก็มีภารกิจในการตามล่า เรนเมคเกอร์ เพื่อแก้ไขอนาคต แน่นอนที่ไม่มีสิ่งไหนที่ง่ายเหมือนที่คิด" เพื่อที่จะสร้างทฤษฎีของการเดินทางข้ามเวลา จอห์นสัน ต้องการทำให้มันง่ายเข้าไว้ เขาอธิบายว่า "คุณมือเครื่องย้อนเวลาในปี 2070 และเวลาที่คุณส่งคนกลับมาก็คือ 30 ปีตายตัว เครื่องย้อนเวลานี้สามารถปิดและเปิดได้อย่างเดียว มันไม่มีการปรับเวลาขึ้นลง ดังนั้นถ้าเวลาในอนาคตเคลื่อนไปข้างหน้าเช่นปี 2074 คุณที่ถูกส่งกลับมาก็จะอยู่เคลื่อนตัวไปตามที่ปี 2044 เช่นเดียวกัน" จอห์นสัน ได้สร้างโลกอนาคตที่การเดินทางข้ามเวลาเป็นสิ่งผิดกฏหมาย มีเพียงแก๊งค์มาเฟียเท่านั้นที่ใช้งานมัน เขาเล่าว่า "คนที่ฉลาดที่สุดในอนาคตรู้อยู่สิ่งหนึ่ง นั้นก็คือพวกเขากลัวเครื่องมือนี้ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันผิดกฏหมาย เรื่องของพาราด๊อกซ์ ทฤษฎีผีเสื้อ ไม่มีใครรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงอดีตจะส่งผลยังไงกับโลกในปัจจุบัน มันอันตรายเกินไปและเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่กล้าแตะต้อง แม้แต่พวกมาเฟียก็ใช้มันเพียงแค่เหตุผลเดียว และก็ยังส่ง ลูปเปอร์ กลับไปให้ตัวเองฆ่าเพื่อปิดห่วง แต่เมื่อมีคนจากอนาคตหลุดรอดไป ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันจะสร้างผลกระทบยังไง" สิ่งที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้คือ ลูปเปอร์ นักฆ่าระดับล่างที่มีหน้าที่เพียงอย่างเดียว นั่นคือกำจัดกับเป้าหมายที่ถูกส่งมาจากอนาคต กอร์ดอน-เลวิตต์ พูดถึงอาชีพนี้ว่า "ลูปเปอร์ ไม่ใช่พวกที่ชอบคิดถึงอนาคต เหยื่อของคุณโผล่มาจากไหนไม่มีใครรู้ หน้าที่เดียวของคุณก็คือยิงเขา แลกกับการที่คุณจะมีชีวิตที่สะดวกสบาย แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะปิดห่วงด้วยการส่งตัว ลูปเปอร์ กลับมาเป็นเป้าหมายให้กับตัวเอง" กอร์ดอน-เลวิตต์ พูดถึงอาวุธประจำตัวของ ลูปเปอร์ "มันถูกเรียกว่า บลันเดอร์บัส ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการยิงเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปในระยะสิบฟุต มันไม่ได้มีความแม่นยำหรือประสิทธิภาพล้ำเลิศอะไร แต่คุณจะไม่มีทางพลาดถ้าทำตามที่สั่ง" จอห์นสัน เสริมต่อถึงปืนว่า "บลันเดอร์บัส เป็นปืนที่ห่วย (หัวเราะ) มันทำมาจากท่อเหล็กที่สามารถยิงออกมาได้เพียงไม่กี่ครั้ง แต่ถ้ามีผู้ชายนั่งอยู่หน้าคุณ ถูกมัดอยู่กับที่ และมีถุงคลุมหัวอยู่ มันก็เป็นเครื่องมือสังหารที่มีประสิทธิภาพ นี่คือปืนที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ" พอล ดาโน่ ที่รับบทเป็น ลูปเปอร์ เพื่อนสนิทของ โจ เผยว่า "ลูปเปอร์ ไม่ใช่นักฆ่าฝีมือดีอะไร พวกเขาเหมือนกับคนงานในโรงงานมากกว่า พวกมาเฟียต้องการให้มันเรียบง่ายและไม่ต้องการปัญหาใดๆ มันเหมือนกับการทำงานตามสายพาน สิ่งที่คุณทำก็คือการดึงคันโยก" ขณะเดียวกันระดับชั้นที่สูงขึ้นไปของพวกมาเฟียก็คือ แก็ตแมน นักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพกว่า พวกเขาคือขุมกำลังของมาเฟียในโลกยุคปัจจุบัน จอห์นสัน เล่าว่า "ถ้าพวก ลูปเปอร์ คือพวกที่อยู่จุดต่ำสุด แก๊ตแมน ก็คือแรงขับเคลื่อนที่แท้จริงในการยึดครองเมือง พวกเขาจะมีปืนรีวอลเวอร์ที่แม่นยำและทรงพลัง คุณไม่อยากมีปัญหากับพวกเขาแน่นอน" การคัดเลือกนักแสดง ด้วยการที่หนังมีตัวละครเดียวกันในเวอร์ชั่นหนุ่มและแก่ นี่ถือเป็นความท้าทายของทีมงาน โดยแทนที่จะหานักแสดงสองคนที่มีความคล้ายกัน พวกเขาตามหานักแสดงที่รู้สึกว่าใช่ที่สุด ผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน เล่าว่า "ผมได้เขียนบท โจ วัยหนุ่มให้ โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์ ซึ่งนอกจากที่เขาเป็นเพื่อน ก็ยังเป็นคนที่ผมต้องการที่ร่วมงานด้วยมากที่สุด และเมื่อเราได้ บรูซ วิลลิส เข้ามาแสดงเป็น โจ วัยแก่ ผมก็รู้สึกตื่นเต้นเพราะ บรูซ เป็นนักแสดงที่เหมาะสมกับบทนี้ แต่มันก็สร้างความท้าทายให้กับเรา พวกเขาไม่ได้มีหน้าตาที่ใกล้เคียงกันเลย พวกเราต้องหาทางที่จะดึงช่องว่างให้เข้ามาใกล้กัน" จอห์นสัน เล่าต่อว่า "สิ่งแรกเลยก็คือการเมคอัพ โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ ต้องใช้เวลาในการแต่งหน้า 3 ชั่วโมงทุกวัน มันไม่มีทางที่เราจะทำให้เขากลายร่างเป็น บรูซ วิลลิส ตอนหนุ่ม แต่พวกเราตัดสินใจที่จะเลือกจุดเด่นบนใบหน้าของ บรูซ และเปลี่ยน โจเซฟ ให้มีความใกล้เคียงกับสิ่งนั้นที่สุด ในแบบที่คนดูเห็นแล้วจะรู้สึกได้ว่ามีเค้าโครงของคนคนเดียวกัน" กอร์ดอน -เลวิตต์ เล่าถึงกระบวนการเมคอัพว่า "ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับ คาสุฮิโร ทสึจิ ซึ่งเป็นคนทำเมคอัพเอฟเฟ็คมือหนึ่งของโลก เขาคือนักมายากล คุณจะไม่รู้เลยว่าที่เห็นคือผม ซึ่งผมก็ใช้เวลาในการแต่งหน้าสามชั่วโมงทุกเช้า ในการเสริมจมูก ริมฝีปาก คิ้ว หู และใส่คอนแท็คเลนส์ ผมคิดว่าเราทำได้เพียงพอเพื่อให้คนดูรู้สึกถึงความคล้าย รู้สึกว่าเป็นคนๆเดียวกันในอีก 30 ปีต่อมา" แต่การแต่งหน้าก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง จอห์นสัน อธิบายว่า "อีกส่วนสำคัญ ซึ่งผมคิดว่าเป็น 90% ของทั้งกระบวนการเปลี่ยนแปลง ก็คือการแสดงของ โจเซฟ มันน่าทึ่งที่ได้เห็นเขาไม่ได้ลอกเลียนแบบ บรูซ เขาสร้างตัวละครที่ให้ความรู้สึกเหมือน บรูซ ในวัยหนุ่มขึ้นมา เขามีน้ำเสียงและลักษณะท่าทางที่ใกล้เคียงกับ บรูซ ตัวจริง นี่คือการแสดงที่ยอดเยี่ยม และผมก็รู้สึกทึ่งที่ได้เห็นว่า โจ มีชีวิตขึ้นมาจริงๆ" กอร์ดอน-เลวิตต์ พูดถึงการแสดงของเขาว่า "ผมไม่ต้องการลอกเลียนแบบ บรูซ ผมอยากสร้างตัวตนของเขาในวัยหนุ่มขึ้นมาใหม่ แต่ก็ยังอยู่บนรากฐานของความเป็น บรูซ วิลลิส ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่ไม่ได้เซอร์ไพรซ์อะไรง่ายๆ แต่เมื่อได้เห็นตอนที่เขาอึ้งไปเวลาแสดงกับผม พร้อมกับบอกผมว่า "ให้ตายสิ เสียงของนายเหมือนฉันเลย" ผมก็คิดว่ามันเป็นคำชมที่ยอดเยี่ยมที่สุด" วิลลิส เผยว่าเขารู้สึกประทับใจกับการแสดงของ กอร์ดอน-เลวิตต์ เขาเล่าว่า "มีฉากหนึ่งผมนั่งอยู่ตรงข้ามกับ โจเซฟ ในร้านอาหาร ผมต้องแสดงและต้องพูดบทให้ถูกต้อง แต่ผมก็พบว่าตัวเองกำลังจ้องมองและคิดว่ามันเพี้ยนแค่ไหนกับการจ้องหน้าตัวเอง เหมือนกับได้เห็นใครบางคนที่คล้ายคุณในวัยหนุ่ม ผมคิดว่า โจเซฟ เป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม ผมชอบผลงานของเขาและก็ชอบที่เขาทุ่มเทให้กับหนัง เขาเรียนรู้ที่จะพูดในลักษณะเดียวกับผม มันเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก" เอมิลี่ บลันท์ รับบทเป็น ซาร่า คุณแม่ยังสาวที่อาศัยอยู่ในฟาร์มนอกตัวเมือง ที่เป็นกุญแจสำคัญเมื่อ โจ วัยหนุ่มหลบหนีมาอยู่ในฟาร์มของเธอ โดยเขาถูกไล่ล่าจากม็อบหลังจากปล่อยให้เป้าหมายหนีรอด โดย ซาร่าห์ ถือว่าเป็นตัวละครที่สำคัญที่สุด ในการตัดสินว่าอนาคตของ โจ จะคลี่คลายไปในทิศทางไหน จอห์นสัน พูดถึงตัวของ ซาร่าห์ ว่า "เมื่อ โจ ปรากฏตัวขึ้นมาหน้าบ้านของ ซาร่าห์ เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเธอ และ ซาร่าห์ ก็รู้สึกสงสัยในตัวเขาเช่นกัน และในช่วงครึ่งหลังของหนัง เธอก็เห็นว่าเขาพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้อง และนั่นก็ทำให้เธอเริ่มเชื่อใจเขา" ในหนัง ซาร่าห์ มีความสามารถพิเศษที่จะเป็นบทบาทสำคัญในอนาคต บลันท์ อธิบายว่า "เธอเป็นคนที่ในโลกอนาคตเรียกว่า ทีเค เธอมีพลังจิต โดยในโลกของ Looper ผู้คนจะมีพลังจิตในระดับที่แตกต่างกันออกไป และพลังของเธอก็จะมีอำนาจมากกว่าคนอื่นๆ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจออกจากเมืองเพื่ออยู่กับลูกชายในชนบท" พอล ดาโน่ รับบทเป็น เซธ เพื่อนลูปเปอร์ที่ต้องเผชิญหน้ากับการ ปิดห่วง ในแนวทางที่รุนแรง เขาพูดถึงตัวละครว่า "เขาเป็นพวกโดเดี่ยว เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้ แต่เขาก็ถูกชะตากับ โจ แต่แล้วเขาก็ปล่อยให้เป้าหมายหนีไป เพราะตัวเขาในอีก 30 ปีข้างหน้าร้องเพลงที่ทำให้เขาคิดถึงความทรงจำในวัยเด็ก และมันก็ทำให้ เซธ พุ่งพล่านไปด้วยอารมณ์ ผมอธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนั้น" โนอาห์ เซแกน รับบทเป็น คิด บลู หัวหน้าทีมแก็ตแมน เขาเล่าถึงตัวละครนี้ว่า "เขาเป็นคนในองค์กรและเป็นนักฆ่ามืออาชีพ แต่ผมก็ไม่คิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิตหรืออะไร เขาเป็นคนที่มุ่งมั่นในการทำภารกิจของตัวเองให้สำเร็จลุล่วง เขามีการฝึกฝนฝีมือตลอดเวลา และเขาก็ตามล่าพวก ลูปเปอร์ ที่ปล่อยให้เป้าหมายหนีรอดไปให้ถึงที่สุด" สำหรับบทบาทของ ซูซี่ จอห์นสัน ก็ได้เลือก ไพเพอร์ เพอราโบ เข้ามาแสดง โดยเธอก็พูดถึงตัวละครว่า "ซูซี่ ทำงานเป็นนักเต้น และเธอก็รับบริการพิเศษด้วย ลูปเปอร์ ไม่ใช่ลูกค้าที่ดีที่สุด บางคืนพวกเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าคลับ แต่เธอก็ได้คบกับ โจ ในบางครั้งและก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ว เขาเป็นคนที่โอเค เมื่อเทียบกับนักฆ่าคนอื่นที่เธอนอนด้วย มีความในดีในตัวเขาที่ทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่ด้วยกัน" นักแสดงคนสุดท้ายก็คือ เจฟฟ์ แดเนียล ที่เข้ามารับบทเป็น เอ็บ หัวหน้ากลุ่มอาชญากรในโลกปัจจุบัน จอห์นสัน พูดถึงตัวละครนี้ว่า "เมืองแห่งนี้ควบคุมโดยหัวหน้าแก๊งค์ที่ชื่อ เอ็บ เขากลายเป็นเหมือนพ่อคนที่สองของ โจ เขามีทีมแก๊ตแมนที่ครอบครองเมืองอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ก็คือ เอ็บ ก็มาจากโลกอนาคต เขาถูกส่งกลับมาเมื่อจัดการให้ลูปเปอร์อยู่ในระเบียบ และเมื่อเขาเบื่อเขาก็เลยตั้งแก๊งค์ของตัวเองขึ้นมา และบริหารเมืองโดยที่แก๊งค์มาเฟียจากอนาคตไม่รู้" เบื้องหลังงานสร้าง ด้วยความที่หนังต้องการผลงานด้านภาพที่มีเอกลักษณ์ ผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน ก็ได้หันไปหาผู้กำกับภาพ สตีฟ เย็ทลิน และผู้ออกแบบงานสร้าง เอ็ด เวอร์โรห์ ด้วยความที่หนังเป็นเรื่องในโลกอนาคต ที่เข้ามาช่วยทำให้แนวทางของ จอห์นสัน กลายเป็นจริง ที่เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นนิยายไซไฟและโลกแห่งความเป็นจริง "ผมต้องการทำให้มันอยู่ในอนาคตที่ไกลพอที่จะเล่นสนุกกับบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้ไกลเกินไปจนทำให้เราเชื่อมถึงไม่ได้" จอห์นสัน เล่าต่อว่า "อนาคตเป็นโลกที่โหดร้าย ทุกสิ่งทุกอย่างถึงจุดสิ้นสุดของอารยธรรม ผู้คนทั่วไปยังคงขับรถจากปี 2010 ที่พวกเขาต้องทนใช้มันมานาน 30 ปี" เย็ทลิน กล่าวเสริมว่า "สิ่งที่ ไรอัน ต้องการคือความสมจริง ซึ่งจริงๆแล้วมันก็เป็นความขัดแย้งกับแนวหนังอย่างสิ้นเชิง แต่ผมกับ ไรอัน ก็ได้ทำงานด้วยกันมานาน ทำให้มันมีความหมายที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น การจัดแสง ความรู้สึก บรรยากาศ ทุกอย่างมีพื้นฐานจากความสมจริงกับที่เราจินตนาการขึ้น" ผู้ออกแบบงานสร้าง เวอร์โรห์ กล่าวต่อว่า "พวกเราไม่ต้องการอนาคตที่ล่มสลายหรืออนาคตที่สว่างไสว มันคืออนาคตที่มีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดพลาดไป เศรษฐกิจล่มสลาย บริษัทยักษ์ใหญ่ล้มละลาย นั่นเป็นเหตุผลว่าถึงไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาเลยตลอดระยะเวลา 30 ปี มีเฉพาะรถที่ทำพิเศษสำหรับพวกเศรษฐฐี แต่นอกนั้นทุกคนก็ขับรถเก่ากันทั้งนั้น" เจมส์ ดี สเติร์น ผู้อำนวยการสร้าง เล่าว่า "พวกเราไม่ได้ต้องการสร้างโลกอนาคตแบบ Tron สิ่งที่เรามุ่งหวังคืออนาคตแนวเรทโทร มันคืออนาคตที่ผสมผสานความร่วมสมัยและย้อนยุค ยกตัวอย่างเช่นมอเตอร์ไซด์ของ ลูปเปอร์ มันอาจเป็นมอเตอร์ไซด์จากสงครามโลกครั้งที่สองก็ได้ แต่มันก็ยังทันสมัยและดูล้ำอนาคต มันเป็นแนวทางที่มีเอกลักษณ์ที่สุด" สำหรับการออกแบบเครื่องย้นอเวลา จอห์นสัน และ เวอร์โรห์ ก็ได้ค้นคว้าในประวัติศาสตร์ เวอร์โรห์ เล่าว่า "ไรอัน ให้ผมดูรูปของระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกที่ถูกเรียกว่า "เดอะ แก๊ตเจ็ท” ที่มีการออกแบบอนาคตแนวเรทโทร มีสายห้อยระโยงระยางอยู่โดยรอบวัตถุทรงกลม ทันทีที่เห็นผมก็รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไง พวกเราออกแบบให้เครื่องย้อนเวลาดูเรียบง่ายและโบราณ และสิ่งที่สำคัญก็คือตีโจทย์ให้แตกว่าเวลาใช้งานจริงจะเป็นยังไง เพราะมันต้องสอดคล้องกับเรื่องราวในหนัง" Looper ถ่ายทำกันทั้งหมดในเมืองนิวออร์ลีนส์ แต่ช่วงเวลา 2 อาทิตย์ทีมงานก็ได้ไปถ่ายทำกันในประเทศจีน จอห์นสัน เล่าถึงเหตุผลว่า "เริ่มแรกตอนที่ผมเขียนทภาพยนตร์ ฉากนี้ต้องเกิดขึ้นในปารีส ซึ่งเราก็วางแผนว่าจะถ่ายทำในนิวออร์ลีนส์ แต่จากนั้นผู้จัดจำหน่ายในประเทศจีนของเราก็เสนอว่าให้ไปถ่ายทำในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งยิ่งผมคิดถึงมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งสอดคล้องกับอารมณ์ของหนังมากขึ้นเท่านั้น มันเป็นอนาคตในแบบที่ผมรู้สึก นอกจากนั้นแล้วการเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ก็ยังเป็นประสบการณืที่สนุกอีกด้วย" ศัพท์เฉพาะในโลกของ Looper ลูปเปอร์ ชื่อเรียกของมือสังหารระดับล่างที่ทำงานให้กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลแห่งโลกอนาคต พวกเขามีหน้าที่สังหารและกำจัดร่างของเป้าหมาย ที่ถูกส่งย้อนเวลากลับมาในปัจจุบัน กฏเพียงข้อเดียวสำหรับ ลูปเปอร์ ก็คือ... อย่าปล่อยให้เป้าหมายมีชีวิตรอด! แก๊ตแมน สมาชิกแก๊งค์มาเฟียระดับกลาง พวกเขาคือนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพกว่า พวกเขาคือขุมกำลังของแก๊งค์มาเฟีย และจะทำงานโดยขึ้นตรงกับหัวหน้าเพียงคนเดียว พวกเขามักดูถูก ลูปเปอร์ ว่าเป็นพวกที่ไม่ต้องใช้ความสามารถในการทำหน้าที่ของตัวเอง บลันเดอร์บัส ปืนประจำตัวของ ลูปเปอร์ ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการยิงเป้าหมายที่ห่างออกไปในระยะสิบฟุต มันไม่ได้มีความแม่นยำหรือประสิทธิภาพที่ล้ำเลิศอะไร แต่คุณจะไม่มีทางพลาดถ้าทำตามที่สั่ง แก๊ต คือชื่อของปืนในโลกอนาคต ที่กลุ่มมาเฟียแห่งโลกอนาคตส่งกลับมาให้ แก๊ตแมน ใช้เพื่อจัดการกับเป้าหมาย โดยมีทั้งปืนลูกซองและปืนลูกโม่ ที่มีอานุภาพทรงพลัง ความแม่นยำสูง และเชื่อถือได้ ทีเค เป็นตัวย่อของ "เทเลคิเนติก" หรือการเคลื่อนย้ายสิ่งของพลังจิต ในปีค.ศ. 2040 พลังพิเศษนี้เกิดขึ้นกับคนประมาณ 15% ของประชากรบนโลกทั้งหมด แต่ความสามารถนี้ก็ยังไม่ใช่พลังเหนือมนุษย์ เมื่อมันมีอำนาจอ่อนและระยะทำการที่จำกัด โดยส่วนมากถูกใช้ในชีวิตประจำวันหรือการเล่นกล แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่สามารถพัฒนาให้กลายเป็นพลังที่ทรงพลังและอันตรายได้ ประวัตินักแสดง โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ (รับบทเป็น โจ วัยหนุ่ม) โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ เป็นนักแสดงที่มีผลงานทั้งจากซีรี่ย์และภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็ก โดยในปีที่ผ่านมาเขาก็มีผลงานในภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมอย่าง Inception ของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน, 500 Days of Summer หนังโรแมนติก-คอมเมดี้ขวัญใจคนดู ที่เขาร่วมแสดงกับ โซอี้ เดชาเนลล์, 50/50 ที่ส่งชื่อเขาเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ รวมถึง The Dark Knight Rises บทสรุปไตรภาคแบทแมนสุดยิ่งใหญ่ โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ เคยฝากผลงานการแสดงที่สุดยอดไว้ใน Mysterious Skin ของผู้กำกับ เกร็ก อารากิ ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่ซีแอตเติล ปี 2005 โดยเขายังมีผลงานเรื่องอื่นๆอีกอย่าง Shadowboxer ของ ลี แดเนียล นำเขาแสดงร่วมกับ คิวบา กู้ดดิ้ง จูเนียร์ และ เฮเลน มีร์เรน, The Lookout หนังแอ็คชั่น-ทริลเลอร์ของผู้กำกับ สก็อต แฟรงค์ ที่เขาได้รับบทนำ และ Killshot ผลงานการกำกับของ จอห์น แมดเดน ซึ่งดัดแปลงจากนวนิยายของ เอลเมอร์ ลีโอนาร์ด โจเซฟ ได้เริ่มเข้ามาในวงการภาพยนตร์ โดยผลงานเรื่องแรกของเขาก็คือภาพยนตร์ของ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด เรื่อง A River Runs Through It ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัล Young Artist Award โดยเขายังมีผลงานเรื่องอื่นๆอีกได้แก่ Angle in the Outfield ของ วิลเลียม เดียร์, The Juror ของ ไบรอัน กิบสัน, Halloween H2O ของ สตีฟ ไมเนอร์, รวมถึง 10 Things I Hate About You หนังวัยรุ่นสุดฮิตที่เขาแสดงร่วมกับ ฮีธ เลดเจอร์ และ จูเลีย สไตล์ บรูซ วิลลิส (รับบทเป็น โจ วัยแก่) บรูซ วิลลิส ได้แสดงให้เห็นความสามารถที่รอบด้าน เขารับบทมาแล้วสารพัดไม่ว่าจะเป็นบทที่สร้างชื่อให้กับเชาอย่าง นักสืบจอห์น แมคแคลน จาก Die Hard ทั้ง 4 ภาค บทนักมวยใน Pulp Fiction ของ เควนติน ทาแรนติโน่ หนุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างใน Nobody’s Fool ของ โรเบิร์ต เบนตัน เรื่อง หรือนักท่องกาลเวลาใน Twelve Monkeys ของ เทอรี่ กิลเลี่ยม รวมถึงจิตแพทย์ในหนังที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ของ เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน เรื่อง The Sixth Sense ซึ่งทำให้ วิลลิส ได้รับรางวัลพีเพิ่ลชอยส์ อะวอร์ด เขาเพิ่งมีผลงานแอ็คชั่นระห่ำในเรื่อง The Expendables 2 โดย วิลลิส สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอนท์แคลร์ สเตท เอกการละคร โดยหนุ่มผู้มาจากเมืองนิวเจอร์ซีย์คนนี้มีผลงานละครเวทีและโฆษณาโทรทัศน์ ก่อนจะได้รับบทนำในละครเวทีเรื่อง Fool for Love ของ แซม เชพเพิร์ด ในปี 1984 ซึ่งเป็นละครนอกบรอดเวย์ที่เคยเปิดการแสดงถึง 100 รอบ เขาประสบความสำเร็จและคว้ารางวัลมามากมาย ตั้งแต่รางวัลเอมมี่จนถึงรางวัลลูกโลกทองคำ สำหรับการแสดงนำในบทนักสืบเอกชน เดวิด แอ๊ดดิสัน ในละครซีรี่ย์สุดฮิตเรื่อง Moonlighting โดยผลงานจอเงินเรื่องแรกเขาก็ได้ประกบคู่กับ คิม บาซิงเจอร์ ในหนังรักโรแมนติกคอเมดี้ของ เบลค เอ็ดเวิร์ด เรื่อง Blind Date ก่อนที่ในปี 1988 เขาจะมารับบท จอห์น แมคเคลน ในหนังบล็อคบัสเตอร์เรื่อง Die Hard และก็รับบทเดิมในภาคต่อของเรื่องนี้ถึง 4 ภาค นั้นคือ Die Hard 2: Die Harder, Die Hard with A Vengeance และภาคล่าสุดคือ Die Hard 4.0 เอมิลี่ บลันท์ (รับบทเป็น ซาร่า) เอมิลี่ บลันท์ สร้างชื่อจากการรับบทในเรื่อง Devil Wears Prada ภาพยนตร์จากหนังสือขายดีของ ลอเรน วีสเบอร์เกอร์ โดยผู้กำกับ เดวิด แฟรงเค็ล ซึ่งเธอต้องประชันบทกับ แอนน์ แฮตทาเวย์, เมอรีล สตรีพ และ สแตนลีย์ ตุชชี โดยเธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ทีน ช้อยส์ อวอร์ดส ปี 2006 และรางวัลนักแสดงสบทบหญิงบนเวทีลูกโลกทองคำและบาฟต้า เธอแสดงประกบ บิล ไนฮี และ มิแรนดา ริชาร์ดสัน ใน Gideon’s Daughter ภาพยนตร์ขวัญใจนักวิจารณ์ของผู้กำกับฯ สตีเฟน พาเลียคอฟ ซึ่งออกอากาศทางช่อง บีบีซี วัน และบีบีซี อเมริกา ในปี 2006 ก่อนที่เธอจะคว้าลูกโลกทองคำนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมมาครองในปี 2007 จากการแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ต่อมาเธอก็มีผลงานใน The Great Buck Howard ภาพยนตร์ที่เขียนบทและกำกับโดย ฌอณ แม็คกินลี ซึ่งต้องแสดงประกบ ทอม แฮงก์ส, จอห์น มัลโควิช และ โคลิน แฮงก์ส ก่อนที่จะแสดงใน Dan in Real Life ประกบ สตีฟ คาเรลล์ และ จูเลียตต์ บินอเช ในปี 2007 เธอก็มีผลงานใน Sunshine Cleaning ประกบ เอมี อดัมส์ และ อลัน อาร์คิน และผลงานของผู้กำกับ ไมค์ นิโคลส์ เรื่อง Charlie Wilson’s War โดยประชันบทบาทกับ ทอม แฮงก์ส และ จูเลีย โรเบิร์ตส์ ในปี 2009 เธอมีผลงานโดดเด่นใน The Young Victoria ซึ่งรับบทพระราชินีวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักรครั้งยังทรงพระเยาว์ ซึ่งหนังได้รับรางวัลออสการ์ สาขาการเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ในขณะที่ผลงานล่าสุดของเธอก็คือ The Adjustment Bureau หนังทริลเลอร์ที่เธอร่วมแสดงนำกับ แม็ตต์ เดม่อน และ Salmon Fishing in the Yemen ประกบคู่กับ ยวน แม็คเกรเกอร์ พอล ดาโน่ (รับบทเป็น เซธ) ผลงาน >>> Little Miss Sunshine, There Will Be Blood, Knight and Day, Being Flynn ไพเพอร์ โพราโบ (รับบทเป็น ซูซี่) ผลงาน >>> ซีรี่ย์ Covert Affairs, Coyote Ugly, Cheaper by the Dozen 2 เจฟฟ์ แดเนียล (รับบทเป็น เอ็บ) ผลงาน >>> ซีรี่ย์ The Newsroom, Pleasantville, Dumb & Dumber, Good Night and Good Luck ประวัติทีมงาน ไรอัน จอห์นสัน (ผู้กำกับ/เขียนบท) ผลงาน >>> Brick, The Brothers Bloom เจมส์ ดี สเติร์น (ผู้อำนวยการสร้าง) ผลงาน >>> An Education, Lord of War, The Brothers Bloom สตีฟ เย็ทลิน (ผู้กำกับภาพ) ผลงาน >>> Brick, Love & Other Impossible Pursuits เอ็ด เวอร์โรห์ (ผู้ออกแบบงานสร้าง) ผลงาน >>> Jurassic Park III, GI Joe: The Rise of Cobra บ็อบ ดั๊กเซย์ (ผู้ตัดต่อภาพ) ผลงาน >>> The Mummy, GI Joe: The Rise of Cobra คาสุฮิโร ทสึจิ (ควบคุมเทคอัพเอฟเฟ็ค) ผลงาน >>> The Curious Case of Benjamin Button, Planet of the Apes, The Ring
แท็ก เมเจอร์   Movie:   2012  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ