กรุงเทพฯ--18 ก.ย.--เวิรฟ
ปัจจุบันนับว่าเทรนด์การเล่นกีฬาและออกกำลังกายได้รับความสนใจจากผู้คนทุกเพศทุกวัยเป็นอย่างมาก ซึ่งอาจสืบเนื่องจากกระแสการแข่งขันกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ณ กรุงลอนดอน หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงของ “โอลิมปิกฟีเวอร์” ที่ปลุกกระแสให้ความหลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งการเล่นกีฬาลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ประกอบกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้คนหันมาดูแลใส่ใจกับสุขภาพของตนเองอย่างจริงจังมากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่มีการคิดค้นและสร้างสรรค์รูปแบบการออกกำลังกายชนิดใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ส่งผลให้ผู้คนยุคใหม่มีทางเลือกเพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด
คอตตอน ยู?เอส?เอ สัญลักษณ์แห่งคุณภาพของผลิตภัณฑ์ฝ้าย 100% กล่าวว่า “อย่างที่ทราบกันดีว่าการออกกำลังกาย ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของการมีสุขภาพดี ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมสมรรถภาพของร่างกายช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้แล้วการออกกำลังกายยังจะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส เพราะร่างกายสามารถนำออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ของร่างกายได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความวิตกกังวลความเครียดและยังช่วยผ่อนคลายได้ เนื่องจากในขณะที่เคลื่อนไหว ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินหรือสารแห่งความสุขทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้ ในขณะเดียวกันจิตใจก็สามารถควบคุมสติ ไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่กังวลอยู่ได้ ทั้งยังทำให้เกิดสมาธิจดจ่ออยู่กับท่วงท่าของการเคลื่อนไหวร่างกายอีกด้วย
นอกจากนี้การเลือกวิธีการออกกำลังกายให้เข้ากับรูปแบบของการใช้ชีวิต ก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่น่าสนุกและสามารถปฏิบัติได้อย่างสม่ำเสมอ คอตตอน ยู?เอส?เอ จึงได้เผยผลสำรวจ 5 การออกกำลังกายยอดนิยม จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพนักงานออฟฟิศในเขตกรุงเทพมหานคร ในช่วงอายุระหว่าง 23 — 45 ปี จำนวน 200 คน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับเหล่าบรรดาเออร์เบิร์นนิสต้าทั้งหลาย ไว้ดังนี้
อันดับที่ 1 ครองความนิยมถึงร้อยละ 34
ชวนเพื่อนสุดจี๊ดเล่น “แบดมินตัน” กระชับความสัมพันธ์
จบไปหมาดๆ กับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก “ลอนดอนเกมส์ 2012” ซึ่งสาวๆ หลายคนยังคงเคลิบเคลิ้มกับเสน่ห์ของนักกีฬาแบดมินตันจากหลายเชื้อชาติ แต่อันที่จริงแล้วแบดมินตันถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากเป็นกีฬาที่มีความสนุก ทั้งผู้เล่นและผู้เชียร์สามารถสัมผัสได้ถึงความแพ้ชนะแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน โดยกีฬาแบดมินตันเป็นการออกกำลังกายที่ใช้อวัยวะทุกส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมือ แขน ขา สายตาอันว่องไว และต้องอาศัยความสัมพันธ์กันระหว่างความแข็งแรง ความอดทน พลังความยืดหยุ่นของอวัยวะต่างๆ ความคล่องตัว ดังนั้นจึงทำให้ผู้เล่นมีสมรรถภาพร่างกายแข็งแรง โดยเฉลี่ยแล้วการเล่นแบดมินตัน 1 ชั่วโมงสามารถเผาผลาญพลังงานเฉลี่ย 200-800 แคลอรี่ นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาระบบความคิด ปฏิภาณไหวพริบ รวมถึงการวางแผนให้เฉียบคมอยู่เสมอ และยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะใช้พบปะเพื่อนฝูงเป็นประจำได้อีกด้วย
อันดับที่ 2 ครองความนิยมรองลงมาอยู่ร้อยละ 25
ผ่อนคลายจิตใจ เพิ่มพลังชีวิตด้วย “โยคะ”
โยคะ (Yoga) นับว่าเป็นหนึ่งในการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมในเมืองไทยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโยคะช่วยบำบัดร่างกายได้หลากหลายมิติ ทั้งช่วยสร้างความยืดหยุ่นของร่างกาย สร้างสมาธิ ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย และลดความเครียดได้มาก ซึ่งเหมาะมากสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน โดยการเล่นโยคะ 1 ชั่วโมง สามารถเผาผลาญพลังงานเฉลี่ย 200-400 แคลอรี่ และปัจจุบันยังมีการดัดแปลงให้การเล่นโยคะมีรูปแบบที่แปลกใหม่และให้ประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นอย่างโยคะร้อน ที่เป็นการฝึกในอุณหภูมิที่ 37 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถเรียกเหงื่อได้อย่างมากเลยทีเดียว หรือล่าสุดกับโยคะบิน (Yoga Fly) ซึ่งเป็นการนำเอาศาสตร์แห่งโยคะมาผสานกับศาสตร์ต่างๆ อาทิ กายกรรม การเต้นรำ พิลาทิส อโครบาติค มาบูรณาการจนกลายมาเป็นการออกกำลังกายแนวใหม่ ซึ่งผู้ที่ฝึกโยคะส่วนใหญ่มักจะรับประทานอาหารมังสวิรัติร่วมด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพควบคุมน้ำหนักและรักษาสรีระให้สวยงามอีกด้วย
อันดับที่ 3 ครองความนิยมร้อยละ 21
สดชื่นหลังเลิกงานด้วยกีฬา “จ๊อกกิ้ง”
กีฬาสุดคลาสสิคสำหรับการออกกำลังกายคือการวิ่ง หรือ “จ๊อกกิ้ง” ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายและเหมาะกับผู้คนทุกเพศทุกวัยและไม่ยุ่งยากกับการเตรียมอุปกรณ์ มีเพียงใจที่มุ่งมั่นและรองเท้าวิ่งคู่เก่งที่สามารถรองรับแรงกระแทกจากน้ำหนักตัวเพื่อป้องกันการบาดเจ็บขณะวิ่งก็เพียงพอแล้ว ในขณะเดียวกันกีฬาชนิดนี้ยังทำให้หลายแบรนด์ดังแข่งกันสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือที่ช่วยเพิ่มความท้าทายให้การวิ่งให้เป็นเรื่องที่สนุกมากยิ่งขึ้น ทั้งสามารถเช็คระยะทางวิ่ง วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดอัตราการเผาผลาญพลังงาน รวมไปถึงการวางแผนการวิ่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งสามารถแบ่งปันประสบการณ์วิ่งให้กับเพื่อนๆ ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คได้อีกด้วย ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่น่าจับตามองเลยเป็นอย่างมาก โดยการวิ่งจ๊อกกิ้ง 1 ชั่วโมงสามารถเผาผลาญพลังงานโดยเฉลี่ยที่ 600-750 แคลอรี่ นอกจากนี้ทั้งก่อนและหลังวิ่ง ควรทำการวอร์มอัพและคูลดาวน์เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการบาดเจ็บด้วย
อันดับที่ 4 ครองความนิยมร้อยละ 11
กระชับสัดส่วนให้ได้รูปด้วย “แอโรบิค”
ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เห็นใครๆ นิยมเต้นแอโรบิคกัน เพราะการเต้นแอโรบิคนั้น คุณสามารถขยับร่างกายด้วยท่วงท่าต่างๆ ไปพร้อมกับเสียงเพลง ซึ่งช่วยให้คุณสามารถสนุกสนานเพลิดเพลินได้แบบลืมเหนื่อยไปเลย โดยการเต้นแอโรบิคนั้นช่วยให้ระบบต่างๆ แข็งแรงขึ้นอย่างสัมพันธ์กัน ทั้งระบบกล้ามเนื้อ กระดูก การไหลเวียนเลือด การหายใจ รวมถึงการเผาผลาญพลังงานได้อย่างมาก โดยการเต้นแอโรบิค 1 ชั่วโมงนั้นสามารถเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 600 แคลอรี่ และขณะที่เรากำลังสนุกกับการเต้นด้วยท่วงท่าแปลกๆ ที่ผู้นำเต้นได้คิดสร้างสรรค์ขึ้นมาจนบางครั้งเราก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ในร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งก่อให้เกิดความสุขและที่สำคัญไม่ต้องแข่งขันกับใคร จึงทำให้ไม่เกิดความเครียด และยังทำให้คุณได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ อีกด้วย
อันดับที่ 5 ครองความนิยมร้อยละ 9
จุดพลังความท้าทายด้วยกีฬา “ปั่นจักรยาน”
สำหรับผู้ที่ไม่ชอบออกไปไหน การออกกำลังกายอยู่กับบ้านก็เป็นตัวเลือกที่ดี ลองมองหาตัวช่วยชั้นดีอย่างเครื่องปั่นจักรยาน สักเครื่องก็คงจะดีไม่น้อย โดยอาจจะเลือกเครื่องที่สามารถวัดระยะทาง อัตราการเต้นของหัวใจ และอัตราการเผาผลาญพลังงาน หรือแบบที่สามารถเพิ่มแรงต้านในขณะปั่น เพื่อเพิ่มสมรรถภาพให้เบิร์นไขมันของร่างกายให้มีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การออกกำลังกายด้วยเครื่องปั่นจักรยานยังทำให้คุณสนุกได้ โดยไม่พลาดรายการโทรทัศน์สุดโปรด แต่สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์นั้นนักปั่นก็ควรมองหาโลเคชั่นดีๆ ที่สามารถเปิดประสบการณ์ใหม่ได้ด้วยการปั่นจักรยานคันเก่งเพื่อออกไปรับแสงแดดและบรรยากาศใหม่ๆ ซึ่งช่วยให้คุณสดชื่น ผ่อนคลาย และเติมเต็มแรงบันดาลใจได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งเฉลี่ยแล้วการปั่นจักรยาน 1 ชั่วโมงสามารถเผาผลาญพลังงานได้ 250-600 แคลอรี่
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องควรตั้งเป้าหมายในการออกกำลังกาย เช่น การลดน้ำหนักเพื่อกลับไปมีหุ่นเพรียวลมเช่นเดิม และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาทีต่อวัน อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ควรเลือกชุดกีฬาที่ผลิตจากผ้าฝ้ายธรรมชาติคุณภาพสูง 100% ที่สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี และไม่ควรสวมใส่ชุดกีฬาที่ฟิตจนเกินไป เพราะจะทำให้เคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวกและต้องคอยกังวลอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่ไปด้วย เพียงเท่านี้ชีวิตใหม่ที่มีแต่ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม จริงไหม?