กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายพลาย ภิรมย์ ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ประเทศไทย กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่าทุกวันที่20 กันยายน ของทุกปี เป็นวัน “อนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลองแห่งชาติ”และเนื่องในโอกาสนี้กรีนพีซจึงเตรียมเปิดโครงการรณรงค์ “คืนชีวิตสู่ลำคลอง คืนสายน้ำสู่ชุมชน” ซึ่งในอดีต ชุมชนมีวิถีชีวิตที่อาศัยน้ำเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิต คลองเป็นแหล่งอาหาร เป็นเส้นทางคมนาคมและเป็นแหล่งกำเนิดศิลปวัฒนธรรม ประเพณีทางน้ำที่มีคุณค่ามากมาย แต่ปัจจุบันความเจริญได้รุกคืบเข้ามา การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมอย่างก้าวกระโดดส่งผลให้คลองเป็นเพียงที่รับน้ำเสียที่ระบายจากชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรมไหลต่อลงไปสู่แม่น้ำและทะเล ขณะที่กฏหมายควบคุมป้องกันมลพิษยังไม่มีความเข้มแข็งและมีปัญหาในการบังคับใช้ ที่สำคัญรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบยังไม่เห็นถึงความสำคัญในการเร่งแก้ไขและปกป้องแหล่งน้ำเท่าที่ควร
“โครงการคืนชีวิตให้ลำคลอง คืนสายน้ำให้ชุมชน” จึงเกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนริมคลองร่วมกันปกป้องรักษาแหล่งน้ำของตน รวมถึงให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางน้ำและประชาชนทั่วไปทราบถึงสถานการณ์มลพิษที่กำลังทำลายแหล่งน้ำสาธารณะ โดยผ่านกรณีศึกษาในพื้นที่ต่างๆ และส่งเสริมให้ชุมชนรับรู้ถึงสิทธิการรับรู้ข่าวสารข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมและสามารถเข้าถึงข้อมมูลเพื่อลดความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากสารพิษเหล่านั้น อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในการคืนชีวิตให้สายน้ำที่ถูกมลพิษอุตสาหกรรมคุกคามโดยการร่วมรณรงค์ต่อภาคส่วนต่างๆ” นาย พลาย กล่าว
ทั้งนี้ในวันพฤหัสที่ 20 กันยายน 2555 เวลา 08.30 - 13.00 น.กรีนพีซ จะจัดกิจกรรม “เรียนรู้วิถีชิวิตริมคลอง และการอนุรักษ์แหล่งน้ำโดยชุมชน” กรณีศึกษาคลองสำโรง อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต ที่ห้องนิทรรศการ “ภาพเก่าเล่าเรื่อง” ตลาดโบราณบางพลี วัดบางพลีใหญ่ จ. สมุทรปราการ เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังเรื่องราว ปัญหา ของคลองสำโรงผ่านปราชญ์ชุมชน และ เยาวชน และจะมีการประกาศเจตนารมณ์อนุรักษ์แม่น้ำ คู คลองโดยชุมชน หลังจากนั้นจะมีการลงเรือสำรวจคลองสำโรง ปัญหามลพิษ วิถีชุมชนริมคลอง โดยนักกิจกรรมกรีนพีซจะทำการเก็บตัวอย่างสิ่งแวดล้อมในคลองสำโรง และร่วมกับชุมชนช่วยกันติดป้ายรณรงค์ริมน้ำเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกภาคส่วนเร่งแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำ
ด้านนางนกแก้ว กลัดบุบผา ประธานชุมชนรักประชาเทศบาลตำบลบางพลี จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ตอนนี้คลองสำโรงกลายเป็นแหล่งระบายน้ำเสียของโรงงานต่างๆ ไปแล้ว ซึ่งหากจะพูดไปคงเหมือนกับการกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้องต้องมาดูเองกับตาจะรู้ว่าทุกโรงงานที่อยู่ริมคลองสำโรงต่างระบายน้ำเสียลงคลองทั้งหมด จนสถานการณ์ไม่น่าจะเยียวยาได้ถ้าเราไม่ช่วยกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง เพราะทุกวันนี้ผู้นำชุมชนต่างๆ พยายามดูแลลำคลองเต็มที่แต่ไม่สามารถต้านน้ำเสียอุตสาหกรรมได้
“สถานการณ์ 10 ปีที่ผ่านมาแย่มาก ต่างจากเมื่อก่อนที่เรามองเห็นก้นคลองเลยเพราะน้ำใสมาก ทั้งปูปลา หอย เราเห็นหมด แต่วันนี้ไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว เราก็อยากได้ภาพแบบนั้นกลับคืนมาอยากเห็นปู เห็นปลา กลับมาเหมือนเดิม” ประธานชุมชนรักประชา กล่าว