สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 9.00

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 20, 2012 10:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--MTS Gold Futures สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 09.00 น. ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,767 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,772(22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.84 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 25,700 บาท กับ 25,800 บาท และกลับมาปิดที่ 25,750บาท กับ 25,850 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4,573 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 12,339 คู่สัญญา และSilver Futures อยู่ที่ 42 คู่สัญญา OpenInterest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 7.6% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 7.5% Silver Futures เพิ่มขึ้น 4.1% GFV12 ปิด 26,040บาท และ GFZ12 ปิด 26,150บาท GF10V12 ปิดที่ 26,040 บาท GF10Z12 ปิดที่ 26,150บาท SVV12 ปิดที่ 1,067 สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 50 เซนต์ ปิดที่ระดับ 1,771.7 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 13 เซนต์ ปิดที่ระดับ 34.588 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,305.39 ตัน (ซื้อเพิ่ม 2.11 ตัน)น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 3.31 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 91.98 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 13.32 จุด ปิดที่ระดับ 13,577.96 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 51.22 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ - ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,779.3 เหรียญเมื่อคืนนี้ หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ด้วยการเพิ่มวงเงินซื้อสินทรัพย์อีก 10 ล้านล้านเยน (1.26 แสนล้านดอลลาร์ ) รวมไปถึงการที่สมาชิกเฟดได้กล่าวว่า ควรมีการใช้มาตรการ QE3 ต่อไปแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่เหนือระดับ 2% ภายหลังราคาทองคำปรับตัวลดลงปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,771.70 เหรียญ มีปริมาณการซื้อขายประมาณ 10% เหนือค่าเฉลี่ย 30 วัน - นายเดนนิส การ์ตแมน ผู้อำนวยการของหนังสือพิมพ์การเงินและสินค้าโภคภัณฑ์กล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจจากเฟดในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สร้างแรงกดดันให้กับธนาคารกลางญี่ปุ่นไม่มีทางเลือก จึงทำให้ต้องเจริญรอยตาม เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีความรู้สึกตึงเครียดจากค่าเงินเยนที่แข็งค่า และการแพร่กระจายของวิกฤตหนี้ยุโรป - นอกจากนี้ เทรดเดอร์ต่างๆ ยังได้มีการกล่าวถึงคำพูดจากนายชาร์ลส อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก ที่กล่าวชื่นชมมาตรการ QE3 และได้ยืนยันซ้ำว่าความมุ่งมั่นของเฟดก็คือการทำให้ปรับเปลี่ยนแนวโน้มของผลผลิตทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับต่ำและอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับสูงให้ดีขึ้น และอาจจะมีการใช้มาตรการ QE3 ไปจนถึงปี 2013 เพื่อช่วยลดอัตราการว่างงานให้อยู่ต่ำกว่าระดับ 7% แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นเหนือระดับ 2% ก็ตาม - ยูเอส เบส โกลด์ เทรดเดอร์กล่าวว่า สำหรับเฟดเอง การต่อสู้กับระดับอัตราการว่างงานได้กลับมามีความสำคัญมากขึ้นกว่าเรื่องเสถียรภาพของราคา โดยภาวะเงินเฟ้อจะแผ่ขยายไปสู่เศรษฐกิจ และส่งผลให้นักลงทุนมีการเข้าซื้อทองคำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ - ความสนใจในกองทุนทองคำ ETFs เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้ ด้วยการถือครองทองคำที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 73.681 ล้านออนซ์ - การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อวานนี้ Building Permits ประจำเดือนสิงหาคมออกมาที่ระดับ 800,000 ยูนิต ลดลงจากระดับ 810,000 ยูนิตในเดือนกรกฎาคม Housing Starts ออกมาที่ระดับ 750,000 ยูนิต ดีขึ้นจากเดิมที่ระดับ 730,000 ยูนิต และ Existing Home Sales ออกมาที่ระดับ 4.82 ล้านยูนิต เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 4.47 ล้านยูนิต - ในขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3014 ดอลลาร์/ยูโร จากการรายงานที่ว่า รัฐบาลเยอรมนีกำลังมองหาทางที่จะทำให้การรวมกันของธนาคารยูโรโซนที่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ลดความสำคัญลง โดยการสนับสนุนสิทธิ์ในการเข้าควบคุมซึ่งประเทศขนาดใหญ่กว่าในภูมิภาคอาจมีบทบาทมากขึ้นในเรื่องนโยบาย แรงกดดันกำลังก่อตัวขึ้นในจีน เพื่อให้เกิดการดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลง ซึ่งภาคการผลิตที่หดตัวลงอย่างมากอาจส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีนในท้ายที่สุด โดยจะมีการประกาศตัวเลข HSBC Flash Manufacturing PMI ของจีนในช่วงเวลา 9.30 น. ของเช้านี้ จากเดือนสิงหาคมที่ระดับ 47.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2009 - คานาเดี้ยน ไมเนอร์ บีทูโกลด์ คอร์ป จะเข้าซื้อกลุ่ม ซีจีเอ ไมน์นิ่ง เป็นจำนวน 1.1 พันล้านดอลลาร์แคนาดา (1.13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อได้รับสิทธิ์ในการเป็นเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ คานาเดี้ยน ไมเนอร์ โกลด์คอร์ป หนึ่งในผู้ผลิตทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังพิจารณาการทำงานร่วมกับ เฟรสนิลโลของเม็กซิโก เพื่อพัฒนาการลงทุนของกลุ่มโลหะมีค่าใหม่ในรัฐกลางของเม็กซิกัน เซคาเทคัส นายฟรังซัวร์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี จะมองหาทางตกลงร่วมกันในการประชุมวันเสาร์ ในเรื่องการรวมกันของระบบ EADS และ BAE มูลค่า 3.5 หมื่นล้านยูโร เพื่อสร้างบริษัทกองทัพบกและทัพอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนวันพุธ - Building Permits เดิมอยู่ที่ระดับ 0.81B ตัวเลขจริงปรับตัวลดลงสู่ระดับ0.80M - Housing Starts เดิมอยู่ที่ระดับ 0.73M ตัวเลขจริงทรงตัวที่ระดับ 0.75M - Existing Home Sales เดิมอยู่ที่ระดับ 4.47M ตัวเลขจริงปรับตัวเพิ่มขึ้น สู่ระดับ 4.82M - Crude Oil Inventories เดิมอยู่ที่ระดับ 2.0M ตัวเลขจริงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.5M ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - Unemployment Claims เดิมอยู่ที่ระดับ 382K คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 374K - Flash Manufacturing PMI เดิมอยู่ที่ระดับ 51.5 คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.6 - Philly Fed Manufacturing Index เดิมอยู่ที่ระดับ -7.1คาดการณ์ว่าจะปรับตัวสู่เพิ่มขึ้นระดับ -4 .1 วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — โดยภาพรวม ราคาทองคำยังเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideway ในกรอบ 1,760 - 1,773 เหรียญ โดยดูลักษณะเป็นการเคลื่อนตัวตามสภาพข่าวและเศรษฐกิจที่ออกมา เมื่อวานมีบางช่วงที่ราคาทะลุ 1,775 เหรียญขึ้นไปได้ คงเป็นจากเรื่องข่าวการที่ญี่ปุ่นประกาศมาตรการใช้ QE ก็เลยทำให้ตลาดมีการปรับซื้อ แต่ก็ไม่ทำให้ราคาวิ่งขึ้นไปเท่าไรนัก โดยไปทำจุดสูงสุดเพียงที่ระดับ 1,778 เหรียญโดยประมาณ ก่อนที่จะถูกแรงเทขายและปรับตกลงมา โดยภาพรวมยังคงคิดว่าราคาเป็น Sideway ในกรอบ 1,760 — 1,773 เหรียญ ในวันนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะออกมา โดยเฉพาะตัวเลข Unemployment Claims ซึ่งคาดว่าดีขึ้น คือคาดว่าคนว่างงานจะน้อยลง 8,000 ตำแหน่ง อาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงได้ รวมทั้งตัวเลข Flash Manufacturing PMI ก็คาดว่าจะดีขึ้น Gold Futures V12 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,950 บาท และแนวต้านที่ระดับ 26,150 บาท Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 26,150 บาท และแนวต้านที่ระดับ 26,250 บาท Silver Futures V12 จะมีแนวรับที่ระดับ 1,030 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,045บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบ 1760 -1773 เหรียญ โดยซื้อขายตามสภาพการแกว่งตัวของราคา นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) คง Portfolio ประมาณ 40- 50% ซื้อและขายสลับกันไปบ้าง นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ซื้อบริเวณแนวรับ และขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน ถือครอง Portfolio ประมาณ 40-50% บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ