กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--IR network
ผู้บริหาร บมจ.ฟอร์จูนพาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) ประสานเสียง บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะแกนนำอันเดอร์ไรท์ มั่นใจหุ้นลงสนาม mai วันที่ 20 ก.ย.นี้ ทะยานเหนือราคาจอง หลังกระแสตอบรับท่วมท้นในช่วงเปิดขาย IPO เชื่อนักลงทุนมองเห็นอนาคตที่สดใส เหตุอยู่ในธุรกิจยานยนต์ที่ยังเป็นขาขึ้น อีกทั้งยังเป็นผู้นำธุรกิจชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทนพลาสติกในระดับโลก แถมการตั้งราคา IPO ที่ 3.50 บาท มีส่วนลดให้นักลงทุนกว่า 34% ด้าน "สมพล ธนาดำรงศักดิ์" บิ๊กบอส FPI เดินหน้าปั๊มรายได้โตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 20% ในปีนี้ ยืนยัน ลงทุนในฟอร์จูนพาร์ทฯ ไม่ผิดหวังแน่นอน
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น บริษัทฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (FPI) เชื่อมั่นว่าราคาหุ้น FPI หลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.2555) จะสามารถยืนเหนือราคาจองที่ 3.50 บาทได้ หลังจากที่กระแสตอบรับในช่วงที่เปิดขายหุ้น IPO เมื่อวันที่ 10-12 กันยายนที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจาก FPI เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีอนาคตที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังเป็นขาขึ้น
นอกจากนี้ การตั้งราคา IPO ที่ 3.50 บาท มีส่วนลด หรือ Discount ให้กับนักลงทุนถึง 34% เทียบกับค่า P/E Ratio ของตลาดหลักทรัพย์ mai ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าหุ้น FPI จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องหลังจากเข้าซื้อขายไปแล้ว
"FPI เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดีมาก และมีแนวโน้มการเติบโตที่เห็นได้อย่างเด่นชัด ตามทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ยังคงสดใสอย่างต่อเนื่อง ทำให้ช่วงที่เปิดขายหุ้น IPO ให้กับนักลงทุนทั่วไป 60 ล้านหุ้นนั้น ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีซึ่งผมเชื่อว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาจากนักลงทุนที่พลาดจากการจองซื้อครั้งแรก โดยหุ้น FPI ถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของ บล.ฟินันเซียไซรัส ที่สามารถผลักดันให้เข้ามาระดมทุนในตลาด mai ได้เป็นผลสำเร็จ และยังเป็นหุ้นตัวแรกในโครงการหุ้นใหม่ ความภูมิใจของจังหวัด ของสำนักงาน ก.ล.ต. อีกด้วย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และจะเป็นแรงจูงใจทำให้บริษัทดีๆ ที่อยู่ต่างจังหวัด มองเห็นประโยชน์ของการใช้ตลาดทุนเป็นเครื่องมือในการระดมทุนมากยิ่งขึ้น" นายสมภพกล่าว
ด้านนายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ FPI เปิดเผยว่า ในฐานะผู้บริหาร มีความเชื่อมั่นว่าหุ้น FPI จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ทั้งกับผู้ที่จองซื้อหุ้น IPO และผู้ที่เข้ามาลงทุนหลังจากที่หุ้นเข้าซื้อขายไปแล้ว เนื่องจาก FPI อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ประกอบกับจุดเด่นของบริษัท ที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตจากพลาสติกที่ครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบเม่พิมพ์ การฉีดขึ้นรูป ชุบโครเมี่ยม และการพ่นสีรวมทั้งเป็นศูนย์รวมในการจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ ทั้งชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทน (REM) และชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์ต่างๆ (OEM) โดยปัจจุบันมีสินค้ามากกว่า 45,000 รายการ จัดจำหน่ายกว่า 110 ประเทศทั่วโลก ซึ่งได้รับการยอมรับเรื่องสินค้ามีคุณภาพมาตรฐานในราคาที่ไม่แพง ทำให้ผลการดำเนินงานที่ผ่านมามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง
โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ FPI สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 62.93 ล้านบาท เทียบเท่ากับกำไรของทั้งปี 2554 ซึ่งอยู่ที่ 63.43 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวม 735.38 ล้านบาท เทียบกับทั้งปี 2554 ที่มีรายได้รวม 1,300.37 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจ เพื่อผลักดันให้ผลประกอบการปี 2555 ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 20%
"ผมในฐานะตัวแทนผู้บริหาร ขอให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในบริษัท FPI โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เงินจากการระดมทุนมา ซึ่งเราจะนำไปลงทุนขยายโรงงานและคลังสินค้า ซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม รวมถึงคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้ FPI มีศักภาพและความแข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของการดำเนินธุรกิจและฐานะทางการเงิน ซึ่งก็คงจะสะท้อนไปในราคาหุ้น หลังจากที่เข้าซื้อขาย ทำให้ผมมั่นใจว่าหุ้นของ FPI จะสามารถยืนเหนือราคาจองที่ 3.50 บาทได้อย่างแน่นอน" นายสมพลกล่าวในที่สุด
ทั้งนี้ FPI เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปจำนวน 63 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 21.36 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายให้แก่ประชาชนจำนวน 60 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 20.34 และเสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทจำนวน 3 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 1.02 และเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปลงทุนขยายโรงงานและคลังสินค้า ซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม คืนเงินกู้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน