กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--ไอเดียเวิร์คส์ คอมมิวนิเคชั่นส์
อลิอันซ์ เผยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังแข็งแกร่ง
-รายได้รวมคงที่ 3.6 พันล้านยูโร (ประมาณ 144 พันล้านบาท)
-กำไรจากการดำเนินงานพุ่งแตะ 219 ล้านยูโร (ประมาณ 8.77 พันล้านบาท)
สำนักงานภูมิภาคในเอเชียแปซิฟิกของกลุ่มอลิอันซ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รายงานผลการดำเนินงานในรอบครึ่งปีแรก 2555 ว่ามีผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 131 ล้านยูโร (ประมาณ 5.24 พันล้านบาท) เป็น 219 ล้านยูโร (ประมาณ 8.77 พันล้านบาท) ขณะที่รายได้รวมยังอยู่ในระดับมั่นคงที่ 3.6 พันล้านยูโร (ประมาณ 144 พันล้านบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นายมานูเอล บาวเออร์ กรรมการบริหารของอลิอันซ์ เอสอี ซึ่งรับผิดชอบในส่วนของธุรกิจในตลาดที่กำลังเติบโต (Manuel Bauer, member of the Board of Management of Allianz SE, responsible for growth markets) เปิดเผยว่า “ผลประกอบการในรอบครึ่งปีแรก 2555 ของบริษัทอลิอันซ์ในภูมิภาคเอเชียถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก และยังคงรักษาสถานภาพการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ถือผลประโยชน์ร่วมทุกฝ่าย ซึ่งทางอลิอันซ์เอง ยืนยันเดินหน้าพัฒนาธุรกิจต่อไปท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มสดใสขึ้น ในขณะที่ความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันภัยในประเทศเหล่านี้ต่างขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งนี้ ทางอลิอันซ์มีความต้องการที่จะผลักดันสถานะของกลุ่มอลิอันซ์ให้ก้าวสู่ความเป็นผู้นำ ในฐานะบริษัทประกันภัยข้ามชาติอันดับหนึ่ง ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนี้ด้วย”
ผลกำไรจากการดำเนินงานในธุรกิจประกันชีวิตเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
บริษัทอลิอันซ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างรายงานผลการดำเนินงานที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ได้แก่ อลิอันซ์ ไลฟ์ อินโดนีเซีย มียอดเบี้ยประกันภัยรับรวมเพิ่มขึ้นในสัดส่วน 2/3 จาก 248 ล้านยูโร (ประมาณ 9.93 พันล้านบาท) เป็น 424 ล้านยูโร (ประมาณ 16.97 พันล้านบาท) มีผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ขณะเดียวกัน ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของบริษัทอลิอันซ์ ประกันชีวิตในไทยและมาเลเซียก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน โดยมียอดเบี้ยประกันภัยรับรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เท่ากัน
ส่วนบริษัท บาจาจ อลิอันซ์ (Bajaj Allianz) ยังคงครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในฐานะผู้ให้บริการประกันภัยชั้นนำของภาคเอกชนในประเทศอินเดีย โดยมีกำไรจากการดำเนินงานในธุรกิจประกันชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 มาอยู่ที่ 95 ล้านยูโร (ประมาณ 3.8 พันล้านบาท)
บริษัท อลิอันซ์ ไลฟ์ ประเทศเกาหลี มียอดเบี้ยประกันภัยรับรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 คิดเป็นเงิน 965 ล้านยูโร (ประมาณ 38.63 พันล้านบาท) ขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 44 จาก 36 ล้านยูโร (ประมาณ 1.44 พันล้านบาท) ที่ทำได้ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 54 ล้านยูโร (ประมาณ 2.16 พันล้านบาท) ทั้งนี้ ประเทศเกาหลีเป็นตลาดประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทอลิอันซ์ในภูมิภาคเอเชีย
อย่างไรก็ตาม บริษัท อลิอันซ์ ไลฟ์ ต้องประสบกับภาวะที่มียอดขายชะลอตัว โดยมีสาเหตุหลักมาจากความต้องการที่ลดลงในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน หรือ Unit-linked ที่ไม่มีการการันตีผลตอบแทน ผนวกกับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เน้นการออมทรัพย์ต้องเผชิญกับสภาวะตลาดที่ยากลำบาก ทำให้บริษัทมุ่งเน้นที่ผลิตภัณฑ์ที่มีระยะเวลาการจ่ายเบี้ยประกันแบบต่อเนื่อง (Regular Premium Products) และมุ่งเน้นการพิจารณารับประกันภัยอย่างมีวินัย ส่งผลให้สามารถสร้างยอดเบี้ยประกันภัยรับรวมได้ 503 ล้านยูโร (ประมาณ 20.13 พันล้านบาท) โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 4 ล้านยูโร (ประมาณ 160 ล้านบาท)
ธุรกิจประกันวินาศภัย โชว์ผลการดำเนินงานคงเส้นคงวา แม้เผชิญสภาวะที่ยากลำบาก
บริษัทประกันวินาศภัยของอลิอันซ์เกือบทุกบริษัทในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรวมถึงอินเดีย มาเลเซีย จีน และไทย ต่างก็มียอดเบี้ยประกันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจยานยนต์ที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยบริษัท Bajaj Allianz อินเดีย และอลิอันซ์ ในมาเลเซีย เป็นบริษัทที่มียอดเบี้ยประกันรับรวมเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือร้อยละ 24 และร้อยละ 14 คิดเป็นยอดเงิน 337 ล้านยูโร (ประมาณ 13.49 พันล้านบาท) และ 213 ล้านยูโร (ประมาณ 8.53 พันล้านบาท) ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน บริษัท อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันภัย จำกัด ต้องประสบกับภาวะที่อัตราส่วนค่าสินไหมโดยประมาณเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยในปี 2554 ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทขาดทุนเช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ
ที่ประเทศจีน บริษัทอลิอันซ์สามารถเพิ่มโอกาสทางการตลาดได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการรุกตลาดประกันภัยบุคคลที่สาม โดยที่อลิอันซ์ ไชน่า ประกันภัยจะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ตัวใหม่ๆ แก่ลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ เพิ่งทำการเปิดสาขาที่สองที่นครเซี่ยงไฮ้ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
นายเดวิด ฟรีด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สำนักงานภูมิภาคของอลิอันซ์ในเอเชียแปซิฟิก (David Fried, regional CEO of Allianz Asia Pacific) กล่าวว่า “ประเทศจีนเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญสำหรับเราในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งการเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงลูกค้า และการมุ่งขยายฐานลูกค้าถือเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การเติบโตของเรา และสำนักงานแห่งใหม่ของเราได้แสดงให้เห็นถึงย่างก้าวที่สำคัญของการพัฒนาธุรกิจของเราในประเทศจีน ที่มุ่งนำเสนอบริการที่ครบครันในทุกหน่วยธุรกิจของเรา ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของอลิอันซ์ ในการที่จะขยายธุรกิจและสร้างอิทธิพลในตลาดประกันชีวิตที่กำลังเติบโตของจีน”
มุมมองเชิงบวก
ปัจจัยสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชีย คือการขยายช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย โดยเฉพาะช่องทางตัวแทนและกับคู่ค้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างยั่งยืน
ฟรีด กล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้วยจุดแข็งของเราที่สามารถทำกำไรได้ สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานธุรกิจที่ลงตัว ด้วยการมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ประเภทออมทรัพย์ที่มีความผันผวนน้อยกว่า ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นและผลตอบแทนสูงกว่า ผนวกกับการจัดจำหน่ายที่เน้นการรักษาวินัยอย่างเข้มงวด ควบคู่กับการมุ่งเน้นความยั่งยืนในการทำกำไร ทำให้เราอยู่ในฐานะที่จะเดินหน้าต่อไปในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศในธุรกิจประกันชีวิตต่อไป ทั้งนี้ เราเล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตของผลกำไรในภูมิภาคเอเชีย จากปัจจัยของความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น รวมถึงจำนวนประชากรผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และช่องว่างที่ขยายกว้างขึ้นในส่วนของหลักประกันสำหรับผู้สูงอายุ ในขณะที่อัตราการเข้าถึงการประกันชีวิตในภูมิภาคยังคงอยู่ในอัตราที่ต่ำ”
ผลิตภัณฑ์ระดับโลกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ธุรกิจการประกันภัยองค์กรและประกันภัยคุ้มครองแบบพิเศษ
ธุรกิจการประกันภัยองค์กรและประกันภัยคุ้มครองแบบพิเศษของอลิอันซ์ (AGCS) สามารถเดินหน้าสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการที่มีมากในผลิตภัณฑ์สำหรับผู้เชี่ยวชาญในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และวิศวกรรม
ลุทซ์ ฟูลกราฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AGCS เอเชียแปซิฟิก (Lutz Fullgraf, CEO of AGCS Asia Pacific) กล่าวว่า “เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ปีนี้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงปลอดภัยจากภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งรุนแรง และภูมิภาคนี้ก็ยังคงเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่มีการเติบโต และเราได้เล็งเห็นถึงความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตในแบบต่างๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมเมืองมากขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่มีการเติบโตและความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทต่างๆ จำเป็นจะต้องร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับบริษัทประกันชีวิตเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดจากการเติบโตนี้”
เขากล่าวอีกว่า AGCS เอเชียแปซิฟิกมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณธุรกิจในภูมิภาคนี้เป็นสองเท่าตัวภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยมีการเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทฯ คาดหวังว่าจะเห็นการเติบโตในธุรกิจการประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ธุรกิจประกันภัยทางการเงิน การประกันภัยทางทะเล และการประกันวินาศภัยระดับโลก
ธุรกิจรับประกันภัยต่อ
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 ธุรกิจรับประกันภัยต่อของอลิอันซ์ รี (Allianz Re) ดำเนินการภายใต้สภาวะตลาดที่แข็งแกร่งขึ้นในช่วงที่มีการต่ออายุเบี้ยประกันใหม่ สืบเนื่องจากข้อกำหนดและเงื่อนไข คาร์ล ไฮน์ส จุง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อลิอันซ์ รี เอเชียแปซิฟิก (Karl-Heinz Jung, CEO of Allianz Re Asia Pacific) กล่าวว่า “เราได้เห็นการพัฒนาครั้งสำคัญในเงื่อนไขของธุรกิจการรับประกันภัยต่อ และประสบความสำเร็จในการดำเนินงานด้วยความโปร่งใสมากขึ้น”
ภัยพิบัติทางธรรมชาติได้เปลี่ยนแปลงการรับรู้ในเรื่องของความเสี่ยงให้กับอุตสาหกรรมรับประกันภัยต่อ นับตั้งแต่เหตุการณ์ในปี 2554 อุตสาหกรรมนี้ต้องประสบภาวะขาดทุนครั้งใหญ่ อันเกิดขึ้นจากการหยุดชะงักของธุรกิจ และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และแม้จะมีปัจจัยความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ บริษัทอลิอันซ์ รี ยังคงสามารถรักษาบทบาทหลักในการปกป้องลูกค้าไม่ให้ได้รับความเสียหายจากผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเหล่านี้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรลุการรักษาความปลอดภัยในระยะยาว
ทีมผู้เชี่ยวชาญของอลิอันซ์ รี ได้ผสานมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ใช้กันในระดับโลกเข้ากับการจัดจำหน่ายในรูปแบบของท้องถิ่นในการทำตลาด ซึ่งบริษัทเป็นผู้รับประกันต่อที่มีความมุ่งมั่นสูงรายหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ธุรกิจบริหารสินทรัพย์
จากผลการดำเนินงานในปี 2554 ต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน ธุรกิจของอลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงมีอัตราการเติบโตในเชิงบวก โดยทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้การดูแลในภูมิภาคนี้เติบโตต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11
ดักลาส ยู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทอลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ (Douglas Eu, CEO Asia Pacific of Allianz Global Investors) กล่าวว่า “ธุรกิจของเราเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะประสบกับภาวะตลาดที่ผันผวน ทั้งนี้เป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง บวกกับการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ซึ่งเรายินดีมากกับผลการดำเนินงานในครั้งนี้ โดยเฉพาะกับตลาดเอเชียที่ค่อนข้างเงียบ และมีการขยายตัวเพียงเล็กน้อยในกลุ่มธุรกิจบริหารสินทรัพย์”
หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 เท่ากับ 1 ยูโร = 40.0277 บาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย