กรุงเทพฯ--23 ก.ย.--กรมการแพทย์
ปี 2502-2530 ประเทศไทยเผชิญกับปัญหาเฮโรอีน ปี 2530-2540 ประสบวิกฤติการณ์สารระเหย และปี 2540-2553 ต้องต่อสู้กับยาบ้า , ปัจจุบันปี 2555 เผชิญกับหายนะยาเสพติดตัวใหม่ “ไอซ์" ที่ผู้ขายใช้กลยุทธ์ชวนเชื่อว่า เป็นยาเสพติดชั้นสูง ผู้เสพไม่อันตรายไม่ติด แต่ช่วยให้ หุ่นดี ผอม ขาวสวย ซึ่งความจริง “ไอซ์” เป็นยาเสพติดที่มีฤทธิ์ร้ายแรงทำลายสมอง ยอดการบำบัดจาก 243 ราย ในปี 2551 พุ่งทะลุเป็น 17,100 ราย ในปี 2555
แพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวภายหลังการมอบใบกิตติกรรมประกาศแก่จังหวัดที่มีผลงานดีเด่นด้านการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดดีเด่นของประเทศ ภายในงานประชุมวิชาการยาเสพติดแห่งชาติ ครั้งที่ 13 “ร่วมแรง ร่วมใจ ฝ่าวิกฤติยาบ้า ไอซ์ ด้วยพลังแผ่นดิน” ว่าปัญหายาเสพติด ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ซึ่งรัฐบาลกำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ต้องเร่งบำบัดโดยด่วน เพื่อให้ผู้เสพติดมีโอกาสหายและเลิกยาได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งข้อมูลสถานการณ์ยาเสพติดด้านการบำบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพ ของสถาบันธัญญารักษ์ ว่าตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2554 ถึง 30 มิถุนายน 2555 มีผู้เข้ารับการบำบัดรักษาทั่วประเทศ จำนวน 192,283 คน จากการคาดประมาณผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดทั่วประเทศมีมากกว่า 1 ล้านคน ที่น่าเป็นห่วงคือสัดส่วนการเสพยาไอซ์ในผู้หญิงเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จากเดิม 2-3% เมื่อเทียบกับสัดส่วนการใช้ยาบ้า แต่ปัจจุบันเพิ่มเป็น 25% หรือ 1 ใน 4 ของผู้หญิงที่ใช้ยาเสพติดทุกประเภท และ 15% ในผู้ชาย ปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงที่เสพยาไอซ์เพิ่มขึ้นเพราะหลงเชื่อจากคำชักจูงว่าเสพยาไอซ์แล้วจะช่วยให้ผิวขาว หุ่นดี สวย จึงถือว่าถูกหลอก เพราะยาไอซ์ไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว แต่เป็นยาเสพติดประเภทออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท มีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้ผู้เสพเกิดอาการทางจิตประสาท หูแว่ว เห็นภาพหลอน อารมณ์รุนแรง ทำร้ายตัวเองและผู้อื่น บางรายถึงฆ่าตัวตาย
นายแพทย์จิโรจ สินธวานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาไอซ์ไม่ได้มีโครงสร้างหรือองค์ประกอบใด ที่จะช่วยให้ผู้เสพมีผิวขาวใส หุ่นดี ยาไอซ์เป็นเพียงยาบ้าชนิดหนึ่งที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกัน โดยยาบ้าเป็นสารเสพติดที่มีส่วนผสมของเมทแอมเฟตามีน คาเฟอีน แป้ง สารหนู ฯลฯ แต่ยาไอซ์สกัดจนได้เมทแอมเฟตามีน 100 % ทำให้เสพติดง่าย ออกฤทธิ์รุนแรงกว่ายาบ้า 10 เท่า ยาไอซ์มีลักษณะเป็นเกล็ดผลึกโปร่งใสคล้ายกระจก หรือน้ำแข็ง ผสมสีฟ้า ชมพู เขียว มีชื่อเรียกในกลุ่มผู้เสพว่า คริสตัลเมธ ชาบู แคร็งค์ ทวีค และทิน่า การเสพยาไอซ์อย่างต่อเนื่อง จะทำให้สมองเกิดการเปลี่ยนแปลง มีรายงานทางวิชาการซึ่งยืนยันโดยภาพภ่ายจาก MRI เปรียบเทียบให้เห็นผลก่อนและหลังได้รับยาไอซ์ ว่าการเสพยาไอซ์และยาบ้า สารเคมีในตัวยาเหล่านั้นจะทำลายเซลล์สมอง พบการติดสี ซึ่งแสดงว่าเส้นเลือดไปถึงบริเวณนั้นๆ แตกต่างกัน จึงยืนยันได้ว่าการเสพยาไอซ์ในปริมาณมากเป็นเวลานาน จะทำให้หลอดเลือดหดตัว และตีบ ส่งผลให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงร่างกายและสมอง ทำให้เซลล์บางส่วนตาย ทำให้ผู้หญิงที่เสพยาไอซ์มีผิวซีด สมองสั่งงานช้า มีอาการเบลอ หลงๆลืมๆ และหากเป็นหญิงที่ตั้งครรภ์จะมีผลกระทบต่อสติปัญญาของทารกในครรภ์ เด็กเกิดมาไอคิวต่ำ หรือปัญญาอ่อนได้ จึงขอเตือนผู้หญิงหากต้องการสวย สุขภาพดี ควรดูแลสุขภาพ ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม พักผ่อนอย่างพอเพียง ทำจิตใจให้เบิกบาน ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้ผู้หญิงสวยและสุขภาพผิวดีได้
ติดต่อ:
ประชาสัมพันธ์กรมการแพทย์ 0 25918254