กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--ซีพีเอฟ
รศ.ดร.เสรีศุภราทิตย์ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิตบรรยายเรื่อง“เจาะลึกสถานการณ์น้ำปี 2555”จากการประเมินเบื้องต้น คาดว่า เหตุการณ์น้ำท่วมในเขตเศรษฐกิจมีโอกาสเกิดได้น้อยมาก เนื่องจากปัจจุบันปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่ทางเหนือที่มีอยู่ 2 เขื่อนมีเพียงประมาณ 50-60 % จึงยังมีความสามารถในการรับรองน้ำได้อีกประมาณ 9,000 ล้านลบม. และขณะนี้มีน้ำเข้าในเขื่อนภูมิพลวันละประมาณ 70 ล้านลบม. แต่หากว่าเกิดฝนตกใต้เขื่อน จะเกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ต่ำ แต่เมื่อน้ำในแม่น้ำลด น้ำในทุ่งก็จะค่อยๆ ไหลลงสู่แม่น้ำ เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นในพื้นที่บางระกำ แต่น้ำยังออกไม่ได้ เพราะว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำยมยังเต็มอยู่ สถานการณ์ในขณะนี้สิ่งที่น่าจับตามากที่สุดก็คือเขื่อนป่าสัก กับร่องฝนที่จะพาดผ่าน เขื่อนป่าสักเป็นเขื่อนขนาดกลางที่มีความจุน้ำที่ 800 ล.ลบม. โดยขณะนี้มีปริมาณน้ำ 500 ล.ลบ.ม.แล้ว จะต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี เพราะหากว่าน้ำในเขื่อนป่าสักเต็ม ก็หมายความว่า ท่าเรือนครหลวงจะมีปัญหา ความเสี่ยงที่สองคือ เมื่อเกิดฝนตกในกรุงเทพฯ จะเกิดน้ำท่วมขังอย่างที่พบเจอ และหากเกิดมีพายุเข้ามาโดยตรงก็อาจเกิดภาวะน้ำท่วมได้ สำหรับน้ำในเจ้าพระยาขณะนี้ยังต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 1-1.50 เมตร กรณีที่จะเกิดน้ำล้นคันจึงค่อนข้างจะยาก เว้นแต่ว่าจะเกิดภาวะฝนตกอย่างหนัก แต่หากมีการท่วมขัง ก็จะไม่มากเหมือนในปี 2554 ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน “CPFเป็นบริษัทมหาชนที่ตระหนักในความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นตัวอย่างที่ดี ในการเตรียมความพร้อม และช่วยสังคม มีการตรวจตราและปรับปรุงคันกั้นน้ำที่มีอยู่ซึ่งในการเตรียมพร้อมจะต้องมี 4 เตรียม อย่างแรกคือ เตรียมความพร้อม การเตรียมมาตรการลดผลกระทบ ซึ่งหากว่าเกิดภาวะน้ำท่วมก็ต้องมีการติตตามสถานการณ์ปริมาณน้ำเหนือที่จะไหลมาด้วย และสุดท้ายคือการเตรียมทีมงานที่พร้อมจะเผชิญเหตุและจะต้องมีการวางแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับภัยพิบัติ” รศ.ดร.เสรี กล่าว นายวีรชัย รัตนบานชื่นรองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟตระหนักและวางแผนเพื่อพร้อมรับมือภัยพิบัติอยู่เสมอโดยเฉพาะอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จึงมีมาตรการต่างๆ เพื่อการป้องกันและรองรับสถานการณ์ ทั้งการจัดทำแผนฉุกเฉินมีมาตรการป้องกันทั่วไป มาตรการเตรียมพื้นที่เสี่ยง การดูแลชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง การดูแลสุขภาพอนามัย ตลอดจนการติดตามรายงานภาวะน้ำท่วม พยากรณ์อากาศ และภัยพิบัติต่างๆ อย่างใกล้ชิด “เพื่อให้แนวทางการป้องกันน้ำท่วมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซีพีเอฟจึงเรียนเชิญ รศ.ดร.เสรี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติ ที่สามารถพยากรณ์และวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ มาบรรยายพิเศษ โดยเปรียบเทียบระหว่างเหตุการณ์เมื่อปีที่ผ่านมากับปีนี้ที่หลายจังหวัดประสบกับอุทกภัยแล้วในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังแนะนำแนวทางต่างๆในการรับมือด้วย ทั้งหมดถือเป็นข้อมูลอันเป็นประโยชน์ที่จะช่วยให้ซีพีเอฟสามารถจัดการกับทุกเหตุการณ์ได้อย่างเหมาะสมเพื่อให้สามารถผลิตอาหารรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง และเพียงพอต่อการนำไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ประชาชนในยามเกิดภัยพิบัติได้ตลอดเวลารวมถึงการดูแลชุมชนในเขตฟาร์มและโรงงานได้อย่างทันท่วงที” แนวทางปฏิบัติเพื่อรับมือกับปัญหาอุทกภัยของซีพีเอฟเป็นไปอย่างบูรณาการ โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการและคณะทำงาน เพื่อจัดทำแผนฉุกเฉินและมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง พร้อมสำรวจ เฝ้าระวัง และประเมินความเสี่ยงของที่ตั้งหน่วยงาน รวมถึงการเพีมจุดกระจายอีก 4 แห่ง ได้แก่ทางภาคตะวันออก ลำปาง สุราษฎร์ธานี และที่วังน้อย ตลอดจนเส้นทางสัญจร แหล่งวัตถุดิบ และบริเวณที่พักอาศัยของพนักงาน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เสี่ยง มีการจัดอุปกรณ์ต่างๆสำหรับการป้องกันน้ำท่วม อาทิ กระสอบทราย เครื่องสูบน้ำ สร้างผนังกั้นน้ำ ตลอดจนอุปกรณ์สำรองไฟ ทั้งนี้ ซีพีเอฟยังร่วมกับชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงในการกำหนดมาตรการป้องกันและสนับสนุนการดำเนินงานมาโดยตลอด