กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนขับรถช่วงฤดูฝนเสี่ยงอุบัติเหตุสูง พร้อมแนะผู้ขับขี่ลดความเร็วให้ต่ำกว่าปกติ เว้นระยะห่างจากรถคันอื่นให้มากกว่าปกติ ไม่ขับรถจี้ท้ายรถคันหน้า ไม่เปลี่ยนช่องทางและไม่เบรครถกะทันหัน เพราะรถอาจเสียหลักลื่นไถลหรือพลิกคว่ำได้
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ระยะนี้หลายพื้นที่มีฝนตกเพิ่มมากขึ้น ทำให้สภาพถนนเปียกลื่นและทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ดี ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มสูงขึ้น เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะวิธีป้องกันอุบัติเหตุที่มักเกิดในช่วงฤดูฝน ดังนี้ รถชนท้ายหรือเฉี่ยวชน สามารถป้องกันได้ โดยขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น ทำให้ต้องใช้ระยะทางในการเบรกมากกว่าปกติ ไม่หยุดหรือเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหัน เปิดสัญญาณไฟล่วงหน้าก่อนเปลี่ยนช่องทางทุกครั้ง และไม่ขับชิดรถคันหน้ามากเกินไป เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที รถหลุดหรือแหกโค้ง มักเกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงขณะเข้าโค้ง ทำให้ไม่สามารถควบคุมทิศทางของรถได้ เพื่อความปลอดภัย ควรลดระดับความเร็วของรถ ไม่เหยียบเบรกและปลดเกียร์ว่างขณะเข้าโค้ง เพราะจะทำให้เกิดแรงเหวี่ยงจนรถหลุดโค้ง กรณีรถไถลออกนอกเส้นทางควรแตะเบรกเบาๆ จับพวงมาลัยให้มั่น พร้อมประคองรถให้กลับเข้าเส้นทางปกติ รถพลิกคว่ำ เกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงและเบรกกะทันหัน ประกอบกับยางรถและระบบเบรกอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ เพื่อความปลอดภัย ควรตรวจสอบยางและเบรกให้ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินห้ามเหยียบเบรกให้รถหยุดในทันที แต่ควรแตะเบรกเบาๆ แบบถี่ๆ เพื่อชะลอความเร็วของรถ จะช่วยป้องกันรถพลิกคว่ำรถเหินน้ำ เกิดจากการขับรถผ่านบริเวณที่มีแอ่งน้ำท่วมขัง ส่งผลให้ยางรถหมุนอยู่บนน้ำ โดยไม่สัมผัสกับพื้นถนน ทำให้รถลื่นไถลจนไม่สามารถควบคุมทิศทางของรถได้ เพื่อความปลอดภัย ควรลดระดับความเร็วของรถ จับพวงมาลัยให้มั่น ไม่เหยียบเบรกให้รถหยุดกะทันหัน เพราะจะทำให้ล้อฟรี และไม่สามารถบังคับรถ ส่งผลให้รถเสียหลักได้