กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--พีดีเฮ้าส์
พีดีเฮ้าส์ ชี้กำลังซื้อในเขต กทม.และปริมณฑล Q3 วูบแรง คาดเจอผลกระทบยูโรโซนผนวกปัญหาน้ำท่วม สองแรงบวกทำตลาดรับสร้างบ้านป่วน เผยโค้งสุดท้ายใส่เกียร์เร่งขยายสาขาตจว.เหนือจรดใต้ อาทิ เชียงราย กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง และพัทลุง หวังกระจายความเสี่ยงและขยายโอกาส โว 9 เดือนกวาดยอดขาย 800 ล้านบาท
นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ตลาดรับสร้างบ้านไตรมาสสามปีนี้ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับหลายๆ ปีที่ผ่านมา ซึ่งปกติแล้วในช่วงไตรมาสสามจะมีความต้องการสร้างบ้านคึกคักกว่าช่วงไตรมาสอื่นๆ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะวิกฤติยูโรโซนเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น รวมถึงความกังวลของผู้บริโภคและประชาชนว่าจะเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำขึ้นอีกในปีนี้
“ในช่วงไตรมาสสามนี้ ที่ผ่านมาบรรดาผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคม สื่ออสังหาฯ สถาบันการเงิน มีความพยายามช่วยกันกระตุ้นกำลังซื้อด้วยการจัดงานมหกรรมบ้านและอีเว้นต์ต่างๆ กันอย่างคึกคัก แต่ก็พบว่าบรรยากาศการจัดงานกลับมีผู้บริโภคและประชาชนให้ความสนใจเข้าชมงานหรือมาจองสร้างบ้านมีจำนวนน้อยจนน่าตกใจถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ รู้ว่าสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลังนี้ไม่ปกติ ฉะนั้นควรมีการปรับตัวรับมือหรือเตรียมแผนสำรองเอาไว้ เช่น มองหากลุ่มเป้าหมายหรือตลาดใหม่ๆ ฯลฯ เป็นต้น”
สำหรับ ความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคในต่างจังหวัดช่วงไตรมาสสามนี้ถือว่ายังมีกำลังซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือ ภาคอีสาน แต่อาจไม่หวือหวาหรือคึกคักเท่ากับในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี บริษัทฯ เองได้มีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อหาทางลดความเสี่ยงและขยายโอกาสทางการตลาดให้มากขึ้น โดยไตรมาสสามปีนี้จะเปิดสาขาใหม่อย่างเป็นทางการอีก 2 แห่งในภาคเหนือและภาคใต้ ได้แก่ เชียงราย และ กระบี่ นับเป็นสาขาที่ 27 28 ตามลำดับ โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวมได้แล้วเกือบ 800 ล้านบาท
นายไพรัช ศรีพานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงราย ควอลิตี้โฮม จำกัด หรือ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ สาขาเชียงราย กล่าวเพิ่มเติมว่า เชียงรายถือเป็นจังหวัดท่องเที่ยวและการค้าชายแดนของภาคเหนือที่สำคัญจังหวัดหนึ่ง ที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าชายแดนเฉลี่ยปีละกว่า 3-4 หมื่นบ้านบาท และในอนาคตเมื่อประเทศไทยเปิดสู่เออีซีเชื่อว่าการค้าชายแดนจะขยายตัวเพิ่มอีก 3-4 เท่าหรือคิดเป็นมูลค่ากว่าหนึ่งแสนล้านบาทต่อปี
ในส่วนของผู้บริโภคและประชาชนจังหวัดเชียงรายนั้น มีความต้องการสร้างบ้านเองหรือที่อยู่อาศัยปีละกว่า1,000 หน่วย โดยพบว่าเกือบทั้งหมดใช้บริการผู้รับเหมารายย่อยทั่วๆ ไป เหตุเพราะในจังหวัดเชียงรายยังไม่มีบริษัทรับสร้างบ้านเปิดให้บริการมาก่อนซึ่งบริษัทฯ มองเห็นโอกาสนี้ จึงตัดสินใจเปิดศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ สาขาเชียงราย เพื่อให้บริการรับสร้างบ้านแก่ผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านทีมีคุณภาพ รวมทั้งบริการก่อนและหลังการขายที่ครบวงจรแบบมืออาชีพ ทั้งนี้มั่นใจว่าด้วยเชื่อเสียงและผลงานที่ผ่านมาของ พีดีเฮ้าส์ ในฐานะผู้นำบริษัทรับสร้างบ้านของประเทศ จะได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในจังหวัดเชียงรายอย่างรวดเร็ว โดยปีแรกบริษัทฯ ตั้งเป้าแชร์ส่วนแบ่งตลาดบ้านสร้างเองไว้ 50 ล้านบาทและคาดว่าจะเติบโตได้ไม่น้อยกว่าปีละ 20-30% ขึ้นไป