กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
บลจ.ทิสโก้เผยผลงานบริหารกองทุนโดดเด่นต่อเนื่อง ปิดกองทุนเปิด “ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% # 5” ก่อนกำหนดอีกกอง หลังบริหารเข้าเป้าหมาย 8% ใช้เวลาเพียง 3 เดือน ด้าน TISCO Wealth มอง QE3 ส่งเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นต่อเนื่อง แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นเอเชียรวมไทย ที่ยังมีพื้นฐานเศรษฐกิจดี
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า จากที่ บลจ.ทิสโก้ ได้ทำการเปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% # 5” (TISCO Thai Equity Trigger 8% Fund # 5) ในเดือนมิ.ย. 55 ที่ผ่านมา โดยมีอายุโครงการประมาณ 8 เดือน โดยเป็นกองทาร์เก็ตฟันด์ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีเงื่อนไขสามารถเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% หรือ NAV มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.80 บาทได้นั้น ขณะนี้ NAV ของกองทุนดังกล่าว (ณ วันที่ 27 ก.ย. 55) ได้เพิ่มขึ้นเป็น 10.8350 บาทต่อหน่วย ทำให้เข้าเงื่อนไขการเลือกโครงการได้ก่อนกำหนด พิสูจน์ความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการกองทุนของ บลจ.ทิสโก้ ได้เป็นอย่างดี
“ช่วงที่เราเปิดขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% ซึ่งเป็นทริกเกอร์ฟันด์กองที่ 5 เป็นช่วงที่การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนและปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยสาเหตุหลักมาจากความกังวลของนักลงทุนต่อวิกฤติในยุโรป แต่ด้วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยที่ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังคงอยู่ในระดับดี เราจึงมองว่าเป็นโอกาสลงทุนในหุ้นไทย เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหน่วย ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่เราคาดไว้ และสามารถปิดกองทุนดังกล่าวได้ก่อนครบกำหนด โดยสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 8% ภายในเวลาประมาณ 3 เดือนเศษเท่านั้น
เราสร้างผลงานที่ดีในกองทริกเกอร์มาอย่างต่อเนื่อง โดยกองทริกเกอร์ฟันด์ที่บริหารได้เข้าเป้าหมายก่อนหน้านี้ ได้แก่ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8%# 4” ก็บรรลุเป้าหมายที่ 8% ภายในเวลาเพียง 2 เดือนเช่นกัน ซึ่งปิดกองคืนเงินแก่ผู้ถือหน่วยไปแล้วในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ทั้งหมดจึงพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการกองทุนของทิสโก้ได้เป็นอย่างดี”
ด้าน TISCO Wealth บริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนครบวงจรจากทิสโก้ มองว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ตัดสินใจออกมาตรการ QE3 ซึ่งเป็นปัจจัยผลักดันทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะส่งผลให้เกิดสภาพคล่องไหลเข้ามาในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง มองว่าเป็นจังหวะในการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่ Laggard อย่างภูมิภาคเอเชีย อาทิตลาดหุ้นจีนที่ยังคงมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ขณะที่หุ้นไทยก็เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจเช่นกัน แม้ว่าปัจจุบันราคาจะปรับสูงขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้มองว่ายังมี Upside ในการลงทุนอยู่ โดยมองดัชนีหุ้นไทยในปีหน้าว่าจะเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 1,400-1,450 จุด”
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน